ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 362

เดินจากอุทยานหลวงไปยังตำหนักหยูซิน ใช้เวลาแค่ไม่ถึงสิบนาที

หนานหว่านเยียนเดินเข้าไปในห้องโถงหลักด้วยใจที่เต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เห็นฮองเฮาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟยจ้องมาที่นาง สีหน้าดูเย็นชาน้อย ๆ

แววตาของหนานหว่านเยียนสั่นไหวเล็กน้อย ชิงค้อมตัวถวายบังคมฮองเฮาด้วยท่าทางเชื่อฟังว่าง่าย: "หม่อมฉันถวายบังคมเสด็จแม่ ระหว่างทางพบเหตุฉุกเฉินบางอย่างเข้าโดยบังเอิญ หม่อมฉันมาสาย ขอเสด็จแม่ทรงอภัยให้ด้วยเพคะ"

เดิมทีฮองเฮาก็ยังรู้สึกโกรธอยู่เล็กน้อย แต่นางจ้องหนานหว่านเยียนผู้กล้าหาญไม่เกรงกลัวใครอยู่แบบนั้นนานเข้า แววตาก็ค่อย ๆ เข้มขึ้น ความโกรธเคืองก็ค่อย ๆ จางลงไปทุกขณะ

"ลุกขึ้นเถอะ"

หนานหว่านเยียนยืดตัวขึ้น ยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า "ขอบพระทัยเพคะเสด็จแม่"

ฮองเฮาเห็นหนานหว่านเยียนที่จู่ ๆ ก็สดใสขึ้นมาทันตา ก็พูดเบา ๆ ว่า

"ข้ายิ่งมองเจ้าเท่าไหร่ ยิ่งมองนานไป ก็ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าเหมือนเพื่อนเก่าของข้าคนหนึ่งมากจริง ๆ"

ไม่ว่าจะเป็นวาจาท่าทางที่ตรงไปตรงมา ตลอดจนวิธีพูดกับกริยาในยามขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ทั้งหมดล้วนกลายเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองในแบบที่ไม่มีใครเหมือน

ในวังที่เต็มไปด้วยแผนการร้ายลึกแห่งนี้ คงจะมีเพียงหยีเฟยเหนียงเหนียงคนเดียว ที่สามารถใช้ชีวิตอย่างไร้ข้อผูกมัดเช่นนี้ได้...

หนานหว่านเยียนยังคงงงงันน้อย ๆ “ไม่ทราบว่าผู้ที่เสด็จแม่พูดถึงคือ?”

ฮองเฮาลุกขึ้นยืน ราวกับจงใจจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "หากครั้งหน้าเจ้ายังกล้ามาสายอีกล่ะก็ ข้าจะลงโทษเจ้าให้วิ่งรอบอุทยานหลวงสิบรอบ"

หนานหว่านเยียนรีบพยักหน้าอย่างเชื่อฟังทันที "ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ทรงอภัยให้หม่อมฉันเพคะ จากนี้ไปหม่อมฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว"

"อื้ม" ฮองเฮากวาดสายตามองนางอย่างจงใจข้ามประเด็นสำคัญ ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ "ช่วงนี้หยีเฟยเป็นอย่างไรบ้างรึ?"

หยีเฟย ?

หนานหว่านเยียนมองฮองเฮาด้วยความประหลาดใจแวบหนึ่ง ก่อนเข้าวัง กู้โม่หานยังมาทักทายนางโดยเฉพาะ บอกว่าเพราะเรื่องของหยุนเหิง บางทีฮองเฮาอาจจะทำอะไรให้นางต้องลำบากใจ

แต่เวลานี้ฮองเฮากลับไม่ถามนางเรื่องหยุนเหิง แต่ไปถามถึงสถานการณ์ของหยีเฟยแทน

นางไม่กล้าคิดอะไรมากมาย ตอบออกไปว่า: "ทูลเสด็จแม่ ร่างกายของท่านแม่หยีเฟยรักษาไม่ได้ง่าย ๆ อย่างที่คิด จนถึงตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมเพคะ"

ดวงตาของฮองเฮายังคงจับจ้องไปที่หนานหว่านเยียนไม่กระพริบ

หนานหว่านเยียนรีบพูดเสริมอีกประโยคทันทีว่า "ถ้าท่านแม่หยีเฟยฟื้นขึ้นมาแล้ว หม่อมฉันจะรีบส่งคนมาทูลเสด็จแม่ทันทีเพคะ"

“อื้ม” ฮองเฮาวางถ้วยชาในมือลง ก่อนจะเม้มปากด้วยท่าทางอึกอักลังเล

อึดใจต่อมา นางก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปขยิบตาส่งสัญญาณให้ซุนหมัวมัว

เมื่อซุนหมัวมัวเห็นดังนั้น ก็รีบถอยออกไปทันที

ในขณะที่หนานหว่านเยียนกำลังนึกสงสัยว่าสองคนนี้เล่นลูกไม้อะไรกันอยู่ จู่ ๆ ก็ได้ยินฮองเฮาเอ่ยขึ้นว่า "ข้าเองก็รู้ดีว่าโรคที่หยีเฟยเป็นมันไม่ใช่จะรักษากันได้ง่าย ๆ เรื่องนี้เจ้าต้องระวังให้มาก"

“แต่ที่วันนี้ข้าประกาศเรียกตัวเจ้าเข้าวัง กลับไม่ใช่เพื่อจะถามไถ่เรื่องนี้”

เวลานี้เอง ซุนหมัวมัวก็สั่งให้คนเข็นเตียงไม้กระดานหลังหนึ่งเข้ามา

หนานหว่านเยียนเอียงหน้าไปมอง ก็เห็นหยุนเหิงนอนเกาหูเกาแก้มอยู่บนนั้น ริมฝีปากของเขาซีดเผือด สองแขนสองขากระตุกไปมาไม่หยุด

สรุปว่าต้องการจะสอบสวนเรื่องของหยุนเหิงจริง ๆ

ดวงตาที่สดใสชัดเจนของหนานหว่านเยียนไหววูบน้อย ๆ หันหน้าไปมองฮองเฮา "เสด็จแม่ต้องการให้หม่อมฉันช่วยแม่ทัพน้อยหรือเพคะ?"

ฮองเฮารู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย แต่ก็กระแอมเบา ๆ แล้วพูดว่า: "ครั้งที่แล้วที่ข้าไม่ยอมให้เจ้าลงมือช่วยคน เป็นเพราะข้ายังไม่รู้สถานการณ์ทั้งหมด ถึงได้ปฏิเสธไป เรื่องนี้ข้ายอมรับว่าที่ทำลงไปออกจะผลีผลามเกินไปหน่อยจริง ๆ”

“เป็นเพราะอาการป่วยของแม่ทัพน้อยหยุน ทำให้แม่ทัพหยุนร้อนใจมาก ข้าจึงอยากให้เจ้าช่วยรักษาเขาให้หน่อย”

เอ๋?

ที่แท้ไม่ใช่ต้องการจะลงโทษนาง แต่อยากให้นางช่วยคนแทนหรอกเรอะ?

มีแววประหลาดใจผุดวาบขึ้นในดวงตาของหนานหว่านเยียน นางเริ่มจะไม่เข้าใจแล้วว่าฮองเฮามีเจตนาอะไรกันแน่

แต่เมื่อมาไม้นี้ กลับกลายเป็นเรื่องที่นางยากจะปฏิเสธไปซะแล้ว

“ในเมื่อเป็นคำสั่งของเสด็จแม่ แน่นอนว่าหม่อมฉันย่อมต้องช่วยเหลือ”

“ขอเสด็จแม่สั่งให้คนยกอ่างน้ำร้อนมาให้ด้วยเพคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้