จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 183

"ทูลฝ่าบาท นี่คือสิ่งที่กระหม่อมคิดเองตอนแกะสลักไม้" มู่ซิวหลันพูดอย่างใจไม่เป็นสุข เมื่อครู่หยุนถิงพึ่งบอกโดยเฉพาะเองว่าห้ามบอกว่าหยุนถิงเป็นคนบอก

"ฝ่าบาท เขาพูดเพ้อเจ้อ คุณหนูหยุนเป็นคนช่วยเขาชัดๆ สิ่งที่เขาทำเองคือโจ๊กดอกท้อ กระหม่อมยืนดูข้างๆเขาเอง" ชายวัยยี่สิบกว่ารีบตอบโต้ในทันที

สีหน้าของมู่ซิวหลันแย่ลง "ทูลฝ่าบาท คุณหนูหยุนชิมโจ๊กดอกท้อที่กระหม่อมทำแล้ว บอกว่ามันธรรมดาเกินไป กลัวว่ากระหม่อมจะไม่สามารถเข้ารอบการแข่งรอบแรกได้ จากนั้นนางก็เห็นงานแกะสลักไม้ของกระหม่อม

นางบอกว่ามันแปลกใหม่มาก เดิมทีข้างในนี้กระหม่อมใส่น้ำเอาไว้ คุณหนูหยุนช่วยกระหม่อมเปลี่ยนเป็นน้ำดอกท้อ ซึ่งก็ตรงกับหัวข้าของการแข่งขัน นางเป็นคนบอกกระหม่อมให้กระหม่อมคิดกลอน

ไม้แกะสลักนี้เป็นรูปพระพุทธรูป ดังนั้นกระหม่อมจึงนึกถึงกลอนเช่นนี้ กระหม่อมกับคุณหนูหยุนไม่ได้รู้จักกันเลย นางสามารถให้คำแนะนำแก่กระหม่อมก็ดีมากแล้ว จะมีเวลาช่วยกระหม่อมคิดกลอนได้อย่างไร โปรดฝ่าบาททรงตรวจสอบอย่างชัดเจน"

สายตาอันแหลมคมของฝ่าบาท สังเกตมู่ซิวหลัน ร่างกายเขาอ้วนเล็กน้อย สีหน้าสงบ แม้สายตาจะกลัวแต่กลับไม่ได้ตื่นตระหนก เห็นได้ว่าเขาไม่ได้โกหก เพราะดวงตาของคนไม่สามารถโกหกได้

“เจ้าผ่านแล้ว” ฝ่าบาทเชอะเบาๆ

มู่ซิวหลันตื่นเต้นยิ่งนัก และรีบคารวะ "ขอบพระทัยฝ่าบาท"

คนข้างๆ อิจฉาเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

คนหลังๆก็นำของไปให้ผู้ตัดสินตัดสินทีละคน หลังจากเห็นโจ๊กน้ำแข็งดอกท้อของหยุนถิง และความคาดไม่ถึงของมู่ซิวหลัน อาหารของคนอื่นก็ดูธรรมดายิ่งนัก

ไม่ช้าก็ถึงอู่เสี่ยวหร่าน เขาวางไหสุราลงบนโต๊ะอย่างตื่นเต้น ตื่นเต้นจนเหงื่อเต็มมือ

ผู้ตัดสินเห็นว่าเป็นเหล้าดอกท้ออีกแล้ว ก็หมดความสนใจทันที เพราะผู้ที่ทำเหล้าดอกท้อก่อนหน้านี้มีหลายสิบคนแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกใหม่ รสชาติก็ธรรมดา ถูกคัดออกไปหลายคนแล้ว

"อันนี้เจ้ามาดูเถอะ คนต่อไป" ใต้เท้าหลิวที่อายุมากกว่ามอบไหสุราให้กับใต้เท้าโจวที่อายุน้อยที่สุดโดยตรง คงต้องถูกคัดออกไปอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน

ใต้เท้าโจวเปิดฝาออก กลิ่นเหล้าอันแสนหอมก็โชยออกมาในทันที ทำเอาเขาตกตะลึงไปหมด "เหล้า เหล้านี้-------"

"รีบเอามาให้ข้าดูหน่อย" เมื่อครู่ในดวงตาของใต้เท้าหลิวก็เผยความดีใจ เขาเองก็ได้กลิ่นของเหล้าเช่นกัน

ใต้เท้าโจวรีบยื่นไหสุรามา บนใบหน้าของใต้เท้าหลิวเต็มไปด้วยความดีใจ รีบหยิบภาชนะที่ใช้ตักเหล้าตักขึ้นมาหนึ่งช้อนแล้วจิบ

"เหล้าดียิ่งนัก!"

ท่านกัวก็หันมองมาทางนี้ โดยไม่บอกให้คนอื่นยกไหสุรามา ลุกขึ้นและเดินไปด้วยตนเองเลย และตักไปหนึ่งช้อนแล้วชิม

“เป็นเหล้าดีจริงด้วย กลมกล่อม หอม ไม่แสบคอ แถมยังมีความหวานของดอกท้อ หากไม่ได้ใช้เวลาในการหมักเป็นเวลาห้าปีเกรงว่าคงทำเยี่ยงนี้ไม่ได้แน่นอน” ทันทีที่คำพูดของท่านกัวออกมา ผู้ตัดสินคนอื่นก็รีบมาชิม และชมอย่างไม่ขาดปาก

ฝ่าบาทก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น "ตักมาให้ข้าหน่อย"

"พ่ะย่ะค่ะ"

ท่านกัวตักได้มือตนเอง โดยไม่ได้เทใส่ในชามก็ยกมาแล้ว "ฝ่าบาททรงลองชิมดู เหล้านี้ไม่มากแล้ว กระหม่อมจึงไม่ทันได้ใส่ชาม"

ฝ่าบาทพยักหน้าเล็กน้อย รับมาแล้วจิบไปคำหนึ่ง กลมกล่อมและหวาน และไม่แสบคอเช่นเหล้าฤทธิ์แรง หลังจากกลืนลงไป กลับมีกลิ่นหอมของดอกท้อคงเหลืออยู่ในปาก ไม่เลวยิ่งนัก

“เหล้าของเจ้าทำอย่างไร เหตุใดรสชาติถึงได้เยี่ยงนี้?” ฝ่าบาทมองมา

อู่เสี่ยวหร่านไม่กล้าปิดบัง นำวิธีที่ตัวเองหมักเหล้าพูดออกมา ธรรมดายิ่งนัก ทำเอาทุกคนต่างก็ไม่เชื่อกัน

“เจ้าไม่ได้พูดความจริงหรือเปล่า หลายสิบคนก่อนหน้านี้ก็ใช้วิธีหมักเช่นนี้ เหตุใดทำออกมาถึงเหมือนน้ำเลย” ท่านกัวถามด้วยสีหน้าที่จริงจัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ