ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 32

ตำหนักประทับฝ่าบาท ตำหนักสาม

บนแท่นบรรทม

เฉินซ่านั่งขึ้นมา ก้มมองหน้าอกเปล่าเปลือยของตน ดวงตาทุ้มลึกมีประกายวาบผ่าน

มิมีแล้ว มิเหลืออันใดเลย ก่อนหน้านี้เขาเห็นชัดเจนว่านางใช้พิชิตวันกรีดวาดกลางหน้าอกเขาอยู่นาน ความเจ็บปวดของการโดนคมมีดกรีดเนื้อนั้นยังชัดเจนอยู่ ต่อมาเขาก็เห็นกับตาว่านางกรีดนิ้วตนเอง ใช้เลือดของนางวาดบนรูปเหล่านั้นอีก แล้วเหตุใดหลังจากใช้พู่กันด้ามนั้นจุ่มยาวาดลงไปแล้วจึงมิเหลือร่องรอยอันใดเล่า?

หน้าอกเขาตอนนี้เกลี้ยงเกลา ไร้ซึ่งรอยแผลอันใดมิแต่น้อย ผิวพรรณเรียนเนียน

ช่างน่าแปลกประหลาดยิ่งนัก

ขนาดเป็นเฉินซ่าที่ความรู้กว้างขวาง ยังอดตกใจไม่ได้

พอหันไปดูโหลชี สีหน้านางซีดเผือด จนเขาตกใจ ยกมือขึ้นหวังจับชีพจรนาง ถึงเขาจะมิเข้าใจการแพทย์ หากจับชีพจรดูว่ามีปัญหาใดหรือไม่เขาพอทำได้อยู่ แต่โหลชีกลับเบี่ยงตัวหลบ กะพริบตาปริบๆ มองเขา "แค่เหนื่อยเกินไปเท่านั้น ข้าจะพักผ่อนสองชั่วยาม เรื่องที่เหลือยกให้เจ้า ข้าขอเพียงเรื่องเดียว อย่าปลุกข้า"

"ได้ เจ้านอนเถิด"

เฉินซ่าไม่ถามอีก เขายกผ้าห่มมาห่มให้นาง และลุกขึ้นจากเตียง

หมอเทวดาตกใจกับการกระทำฉับไวของเขามากจนกระโดด เดิมยืนอยู่นานขาเริ่มชา พอกระโดดแบบนี้ ก้นกระแทกพื้น แต่เขายังไม่ทันลุก ก็ได้แต่มองอย่างตกใจว่า "ฝ่าบาท ท่าน เพราะเหตุใด เหตุใดกัน?" เหตุใดจึงมิเป็นกระไรแล้ว?

สีหน้าเฉินซ่าตอนนี้ดีมาก

อิงหันกลับมา ตกใจแทบกระโดดเหมือนกัน

มิใช่พูดว่าห้ามขยับตัวมิใช่หรือ? ก่อนนี้แม้แต่ดวงตายังลืมขึ้นมิได้ พูดแต่ละคำประหนึ่งใช้แรงมากมายนัก เหตุใดตอนนี้กลับดูมิเป็นอะไรเลยล่ะ?

เฉินซ่าดึงมู่ลี่ให้ดี ปรายตามองพวกเขา เป็นเชิงบอกให้เงียบ จากนั้นเดินไปที่ตู้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย

เขาเคยชินกับการทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่งกายอาบน้ำ มิต้องการนางกำนัลรับใช้

"นายท่าน แล้วโหลชี..."

อิงปรายตามองเตียงใหญ่ที่มีมู่ลี่ปิดสนิทอย่างสับสนเล็กน้อย

"นางต้องการการพักผ่อน ออกไปกันเถิด อย่ารบกวนนาง"

อิงกับหมอเทวดาได้ยินเฉินซ่ากระซิบ บนใบหน้าเขายังเหมือนได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าความอ่อนโยน ทั้งคู่ตกใจกันมาก

ปกติฝ่าบาทดูเย็นชา หากครานี้...

"หือ?" เฉินซ่าเห็นทั้งคู่ยืนนิ่งไม่ขยับ สายตายังมองไปทางเตียง สีหน้าพลันเย็นชาเฉียบพลัน ผู้ชายสองคนมองจ้องไปทางเตียงทำอะไร? คนที่นอนอยู่น่ะคือโหลชี

"รับบัญชาขอรับ!"

อิงกับหมอเทวดามีหรือจะกล้ายึกยัก รีบถอยออกไป

หากเมื่อถอยไปถึงหน้าประตู ก็ได้เห็นองครักษ์เสวี่ยวิ่งพุ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ และยังตะโกนว่า "นายท่าน! ระวังโหลชี!"

เมื่อเห็นนางกำลังจะพุ่งเข้าไปในตำหนัก อิงรีบยกมือขวางนางไว้ "เสวี่ย"

"อิง นายท่านเล่า?" โดนอิงสกัดกั้นไว้ องครักษ์เสวี่ยอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ หันไปมองเห็นเทียนยีและตี้เอ้อร์สองคนกลับคืนเฝ้าอยู่นอกประตู ก็ตกใจทันที "องครักษ์ลับลงมือแล้ว นายท่านเกิดเรื่องขึ้นใช่หรือไม่?"

"ตอนนี้นายท่านมิเป็นกระไรแล้ว"

"โหลชีเล่า?"

"อยู่ด้านใน..."

พอได้ยินว่าโหลชีอยู่ด้านใน เสวี่ยเริ่มไม่แน่วแน่ละ รีบทำท่าจะพุ่งเข้าไปข้างใน พลางร้องเสียงดังว่า "นายท่าน โหลชีอาจจะเป็นไส้ศึกนะเจ้าคะ! นายท่านระวังโหลชีด้วยนะเจ้าคะ!"

"ชู่!" อิงมือกุมขมับ นายท่านออกคำสั่งห้ามรบกวนโหลชีแล้ว เสวี่ยนี่เจ้าตะโกนเสียงดังอยู่เยี่ยงนี้อยากตายหรืออย่างไร?

องครักษ์เสวี่ยมีหรือจะรู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ตอนนี้ทั้งหัวนางจำได้เพียงเรื่องเดียว โหลชีเป็นไส้ศึก นางจะเป็นอันตรายต่อนายท่าน

เดิมโหลชีไม่ได้อยากหลับจริงๆ และถึงแม้การสะกดคำสาปให้เฉินซ่าจะต้องใช้พลังมาก แต่นางมีพรสวรรค์ผิดมนุษย์อยู่แล้ว พลังที่ใช้ไปมันน้อยนิดนัก ที่นางพูดว่าต้องการพักผ่อน เพราะอยากหลีกเลี่ยงหมอเทวดากับเฉินซ่า ไม่ให้โอกาสพวกเขาถาม

นางมาจากที่ไหน ทำไมถึงแก้คำสาปซีเจียงได้ ยังมีอีกเรื่อง แก้ได้ยังไง ยานั่นเป็นยาอะไร คำถามพวกนี้ถ้าถามมาเป็นพรวน ให้นางหาเหตุผลร้อยแปดมาอธิบายมันก็ไม่ใช่ไม่ได้ เพียงแต่นางขี้เกียจ ขี้เกียจคิดหาเหตุผล อีกอย่าง นางพึ่งพูดไปว่านางสามารถสะกดคำสาปนี้ไว้ได้สามวัน ในสามวันนี้ยังต้องไปตามหาของบางอย่างมาแก้คำสาปให้แล้วสิ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงนะ

แต่นางต้องการเวลาคิดไตร่ตรองอย่างละเอียดว่าของสิ่งนั้นต้องไปหาที่ไหน ยังมีกระบวนการในการแก้คำสาปทั้งหมดก็ต้องคิด ที่นี่ไม่ใช่ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดที่นางคุ้นเคย ของบางอย่างที่นี่ไม่มี นางต้องคิดดูว่าจะใช้ของอะไรมาแทนที่ได้

ดังนั้นถึงจะนอนบนเตียง แต่สมองโหลชีไม่ได้หยุดนิ่ง สำหรับศัตรูแข็งแกร่งด้านนอก นางไม่ได้เก็บมาใส่ใจ มีอาวุธทำลายล้างอย่างเฉินซ่าอยู่ จะคุ้มครองชีวิตนางคงไม่ใช่อะไรที่ยากลำบากล่ะมั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ