บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 122

หยู่เหวินเห้าเข้าพยุงอ๋องหวย พระชายาจี้ก็รีบชิงพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า "น้องห้า ถ้าเจ้ากลัวว่าจะติดโรค ก็สั่งให้บ่าวรับใช้ทำแทนเถอะ"

คำพูดนี้ ออกจะมากเกินไปจริงๆ

หยวนชิงหลิงเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว นางแขวนสายหูฟังไว้ที่หู แล้วหันกลับมาพูดกับพระชายาจี้ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พระชายาจี้ หากเจ้าอยู่ที่นี่แล้วช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากการพูดจายั่วยุให้เกิดความโกลาหลแล้วล่ะก็ ไม่สู้เจ้าก็ออกไปจิบชาแล้วพูดเรื่องถูกทำนองคลองธรรมเสียเต็มประดา ที่เจ้าแสนจะเชี่ยวชาญเหล่านั้นดีกว่าหรือไม่"

พระชายาจี้คิดไม่ถึงว่าหยวนชิงหลิงจะพูดอย่างนี้ นางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองหลู่เฟยด้วยท่าทางที่แสดงว่ารู้สึกผิด "ท่านแม่หลู่ หม่อมฉันขออภัยด้วยเพคะ ที่ไม่อาจช่วยอะไรได้เลยจริงๆ"

หลู่เฟยไม่ชอบใจในคำพูดแบบตัดบัวไม่เหลือไยของหยวนชิงหลิง จึงพูดอย่างเย็นชาว่า "เจ้าอาศัยอะไรมาไล่ให้นางออกไป หากไม่ใช่เพราะพระชายาจี้เป็นคนที่คอยสร้างขวัญกำลังใจให้คนในจวน จนทุกคนรู้สึกมั่นคงได้ดั่งทุกวันนี้ จวนแห่งนี้ก็คงวุ่นวายไม่เหลือดีไปเสียนานแล้ว ยังไม่รู้ชัดด้วยซ้ำว่าเจ้าจะมีความสามารถหรือไม่ ยังกล้าดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นถึงเพียงนี้เชียวรึ"

หยวนชิงหลิงโกรธจัดจริงๆ แล้วในตอนนี้ "พระสนมหลู่เฟย ที่นอนอยู่บนเตียงนั่นคือลูกชายของท่าน และข้ามาที่นี่ตามพระบัญชาเพื่อช่วยชีวิตเขา ไม่ใช่มาทำร้ายเขา ข้าได้บอกท่านเกี่ยวกับการสวมหน้ากากแล้ว ข้าได้อธิบายกับท่านไปแล้วว่า โรคของอ๋องหวยนั้นเป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ การสวมหน้ากาก ก็เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หากท่านคิดว่านั่นคือความรังเกียจแล้วล่ะก็ นั่นก็สุดแล้วแต่ท่านจะคิด แต่ข้าไม่สามารถให้พระชายาจี้มาส่งผลกระทบด้านลบต่อการรักษาของข้าได้ ข้าไม่รู้ว่านางมีแผนการอะไร แต่นางก็คงไม่ได้รักและห่วงใย คิดอยากปกป้องลูกชายท่านไปกว่าท่านแน่ และในเวลานี้ ข้าอยู่ในฐานะหมอ ข้าสมควรยืนอยู่ข้างเดียวกันกับผู้ป่วย รวมถึงครอบครัวของผู้ป่วยด้วย หากท่านมีสติไตร่ตรองเหตุและผล ท่านควรจะฟังข้า เพราะถึงอย่างไร เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการรักษาอ๋องหวยนั้น แม้กระทั่งเสด็จพ่อก็ยังเชื่อฟังข้า"

"พระชายาฉู่ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเจ้าถึงบอกว่าข้ามีแผนการในใจ ข้าจะมีแผนการอะไรได้ ข้ารับคำสบประมาทนี้ของเจ้าไม่ไหวหรอกนะ" พระชายาจี้ไม่รอให้หลู่เฟยเอ่ยปาก นางก็ชิงร้องขอความเป็นธรรมก่อนทันที

"พระชายาจี้ ข้าจะไม่เสียเวลาปะทะคารมกับเจ้า อยู่ในเป็นเล่นให้ฉลาดหน่อย ทางที่ดีเจ้าก็จงยืนดูเงียบๆ หรือไม่ก็ออกไปซะ" หยวนชิงหลิงพูดจาตรงๆ แบบขวานผ่าซาก

หลู่เฟยกำลังจะพูดบ้างพอดี หยวนชิงปรายตามองขวับ "หลู่เฟย ก่อนท่านจะพูดอะไร ได้โปรดคิดให้รอบคอบนะเพคะ!"

หลู่เฟยคิดอย่างถ้วนถี่อีกครั้ง จากนั้นจึงหันไปหาพระชายาจี้ พูดว่า "ช่างเถอะ อย่าไปต่อความยาวสาวความยืดกับนางเลย"

พระชายาจี้ถอนหายใจเฮือก "เพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันจะเงียบแล้ว"

หยู่เหวินเห้าอดส่งสายตาชื่นชมไปให้ไม่ได้ เวลาที่ผู้หญิงทะเลาะกัน เขาเองก็ไม่สะดวกที่จะสอดปาก เขายังคิดด้วยซ้ำว่า ครั้งนี้หยวนชิงหลิงคงจะโดนหลู่เฟยโกรธจนกระทืบเท้าใส่เร่าๆ เป็นแน่ กลับคิดไม่ถึงว่าแค่พูดย้อนใส่ไปแค่สักสองสามประโยค ก็จัดการทุกอย่างได้ลงตัวแจ่มแจ้ง กระทั่งชี้เป้าไปยังที่พระชายาจี้ เรื่องที่ว่านางมีแผนการในใจออกไปตรงๆ ทำให้นางไม่มีโอกาสหาวิธีลอบกัดใดๆ ได้อีก

หลู่เฟยก็ไม่ใช่คนโง่ นางแค่กระวนกระวายใจมากไปเพียงชั่วครู่ ประกอบกับความไม่ไว้วางใจในตัวหยวนชิงหลิง ถึงได้ต่อต้านคัดค้านทุกอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม เพราะคำพูดของหยวนชิงหลิงประโยคนั้น ช่วยเรียกคืนสติของนางให้กลับมาได้

การทำร้ายหวยเอ๋อ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับนางเลยแม้แต่น้อย

ในทางตรงกันข้าม หากสามารถช่วยหวยเอ๋อไว้ได้ ฝ่าบาทย่อมต้องทรงให้ความสำคัญกับนางและหยู่เหวินเห้ามากขึ้นอีกหลายส่วนแน่

ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นางย่อมไม่มีทางทำร้ายหวยเอ๋อแน่

ตรงกันข้าม พระชายาจี้กลับใช้เรื่องหน้ากาก มาพูดเป็นประเด็นซ้ำๆ ไม่ยอมเลิก หากคิดให้ถ้วนถี่ นี่คือการยุแยงให้เกิดความรู้สึกด้านลบ อีกทั้งหยวนชิงหลิงก็เคยพูดถึงเรื่องนี้ไปแล้ว นางก็ยังอยากดูอยู่ที่นี่ไม่ยอมออกไป

ในช่วงหลายวันมานี้ เหล่าบรรดาราชนิกุลน้อยใหญ่ ต่างก็มาที่จวนแห่งนี้ ทำไมนางจะไม่รู้เหตุผลล่ะ

หวยเอ๋อล้มป่วยมาได้สามปีแล้ว ในยามปกติ มีเพียงหยู่เหวินเห้าคนเดียวที่มาจวนแห่งนี้มิได้ขาด แต่แล้วฉับพลัน กลับมีการไปมาหาสู่ที่คึกคักอย่างมาก ถึงขั้นที่ว่าอ๋องจี้ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่นี่ตรงๆ นั่นก็เพราะเขาอยากมีชื่อเสียงในด้านที่ว่า ตนเองเป็นพี่ชายที่มีคุณธรรมรักใคร่พี่น้องนั่นเอง

เมื่อหลู่เฟยคิดได้เช่นนี้ ในใจของนางก็รู้สึกกระจ่างมากขึ้น จิตใต้สำนึกสั่งให้นางไปยืนอยู่ตรงหน้าพระชายาจี้ จงใจบดบังสายตาสอดส่ายคู่นั้นไว้

ฝ่ายหยวนชิงหลิงที่ไม่ได้รู้กิจกรรมทางความคิดใดๆ ของหลู่เฟย ก็ถือหูฟังไปแนบฟังเสียงปอดและหัวใจของอ๋องหวย

ไม่มีอุปกรณ์ตรวจสอบอาการเชิงลึก นี่นับเป็นข้อเสียเปรียบอย่างมาก นางไม่มีประสบการณ์มากมายในการรักษาวัณโรค

หยวนชิงหลิงเก็บหูฟัง กดที่ตับอีกครั้ง แล้วถามว่าปวดบริเวณกระเพาะหรือไม่ อ๋องหวยตอบว่ามีอาการเจ็บปวดที่กระเพาะมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เมื่อเร็วๆ นี้ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง

อ๋องหวยถามว่า "อาการปวดที่กระเพาะนี้ เกี่ยวข้องอะไรกับอาการป่วยของข้าด้วยหรือไม่"

หยวนชิงหลิงเอ่ยว่า "ข้าต้องทำการแยกแยะว่า เชื้อวัณโรคมีการแพร่กระจายไปติดที่กระเพาะอาหารหรือที่อื่นๆ หรือไม่ ช่วงครึ่งเดือนแรกนับเป็นกุญแจสำคัญในการรักษา ท่านอ๋องต้องเชื่อฟังข้าอย่างเคร่งครัด ข้าต้องขอความร่วมมืออย่างเด็ดขาด ห้ามหยุดยาเด็ดขาด จะอย่างไรก็ตามห้ามหยุดยา หากเจ้าหยุดยา ข้าก็ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้อีก"

"เช่นนั้นแล้วตอนนี้..." อ๋องหวยหรี่ตาลง "เจ้ามีความสามารถที่จะช่วยข้าได้แล้วใช่หรือไม่?"

"การแพทย์นั้นไม่มีผลลัพธ์ตายตัว ความเจ็บป่วยของเจ้าเป็นมานานมากแล้ว ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดแล้วกัน" หยวนชิงหลิงพูดตามความจริง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน