บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 140 มีคนวางยาพิษ

sprite

ก่อนที่หยวนชิงหลิงจะออกไปด้านนอกก็ได้พูดกับหลู่เฟย

“ตอนนี้เท่าที่เห็นอาการป่วยของท่านอ๋องนั้นดีขึ้นเกือบหมดแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังเรื่องอาหารของเขาเป็นอย่างมาก อย่าให้ผู้ใดเข้าไปทำการผิดแปลกเด็ดขาดเจ้าค่ะ”

“เจ้ายังรู้สึกว่าจะมีคนเข้ามาลงมือทำร้ายเขาอีกงั้นหรือ?” หลู่เฟยถาม

หยวนชิงหลิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง: “ก็ยากที่จะกล่าว แต่ระวังเอาไว้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”

วันนี้ที่นางได้ยินหลู่เฟยบอกว่าเมื่อวานนี้พระชายาจี้ล้มป่วย อยู่ๆ ก็เกิดความไม่วางใจเกิดขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ

อ๋องจี้สองสามีภรรยาเป็นคนจำพวกใจคิดร้ายแม้จะไม่มีปารป่าวประกาศ แต่ผู้คนต่างรู้เห็น

ในเวลานี้หยู่เหวินเห้าได้ขึ้นครองตำแหน่งเจ้ากรมการพระนคร มีหรือที่พวกเขาสองสามีภรรยาจะยืนดูนางรักษาอ๋องหวยจนหายดีอีก?

ดังนั้นพวกเขาจะต้องคิดหาวิธีการที่จะมาจัดการอ๋องหวยเป็นแน่ ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดคืออ๋องหวยสิ้นพระชนม์ด้วยยาพิษ แล้วค่อยให้การใส่ร้ายว่ายาของนางมียาพิษ เช่นนั้นหมอผู้ให้การรักษาอย่างนางก็ไร้ซึ่งหนทางปฏิเสธแล้ว

ตอนนี้หลู่เฟยนับว่าเชื่อมั่นในตัวของหยวนชิงหลิงเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินนาพูดเช่นนี้จึงเร่งสั่งการให้คนตรวจตราสอดส่องดูแลขั้นตอนการปรุงอาหารของอ๋องหวยอย่างเข้มงวด

ทว่าในช่วงบ่ายของวันอ๋องหวยกลับมีอาการปวดท้องอย่างหนัก อาเจียน และเวียนศีรษะ ซึ่งมีผลมาจากอาหารเป็นพิษ

ถึงอย่างนั้นยังนับว่าโชคดีที่กล่องยาให้การช่วยเหลือ ทำให้มีน้ำเกลือสำหรับล้างกระเพาะ หลังจากที่ทำการล้างพิษในกระเพาะเรียบร้อย ตอนนี้อาการของอ๋องหวยนับว่าไม่มีปัญหาที่น่าเป็นห่วงแล้ว แต่เหตุการณ์ครั้งนี้อ๋องหวยราวกับเกือบจะกระโดดเข้าสู่ความตายเสียอย่างนั้น

หลู่เฟยโมโหเป็นอย่างมาก จึงรีบสั่งการให้คนไปตรวจสอบทันที

แต่เรื่องอาหารล้วนเป็นคนสนิทของหลู่เฟยที่เป็นผู้จัดการดูแล จึงทำให้หลู่เฟยเชื่อใจพวกนางเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดขุนนางในจวนจึงได้กล่าวขึ้น

: “บางทีครั้งนี้อาจเป็นการวางยาในส่วนผสมของอาหารพ่ะย่ะค่ะ ส่วนประกอบอาหารทั้งหมดถูกซื้อเข้ามาจากภายนอกทุกวัน ถ้าหากเป็นผู้ที่จงใจสังเกตอย่างดี มีความเป็นไปได้ที่จะลงมือในตอนนั้น”

หลู่เฟยจึงรีบสั่งให้คนไปตรวจสอบส่วนประกอบอาหารที่นำเข้ามาวันนี้ ส่วนผสมอื่นๆ ไม่มีปัญหาใดๆ แต่ว่ากลับมีเนื้อชิ้นหนึ่งที่มีกลิ่นของมันเปลี่ยนไป

ซึ่งวันนี้อากาศจะว่าหนาวก็ไม่ใช่ จะร้อนก็ไม่ใช่ หากกล่าวตามจริงไม่มีทางที่เนื้อจะส่งกลิ่นเร็วขนาดนี้ได้

และแน่นอนว่าจะต้องมีใครบางคนเข้ามาทำการบางอย่างเป็นแน่

แต่ถึงอย่างนั้นขุนนางในจวนก็ยังคัดค้าน: “ถึงต่อให้เนื้อเปลี่ยนกลิ่นแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเห็นได้ว่ามันมีพิษอย่างแน่นอนไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ท่านอ๋องมีอาการอาหารเป็นพิษ เนื้อที่มีกลิ่นฉุนแล้วก็นับว่าเป็นพิษได้ หากเป็นผู้อื่นทานอาจไม่เป็นอะไร หรืออาจจะมีอาการปวดท้องหนักเท่านั้น

ทั้งที่จริงแล้วหยวนชิงหลิงไม่ได้คิดว่าจะเรื่องราวจะมีเพียงเท่านี้ แต่ในเมื่อไม่สามารถตรวจสอบสิ่งใดออกมาได้ เพื่อที่จะเลี่ยงให้หลู่เฟยจะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ เพราะถ้าหากสุดท้ายไม่สามารถตรวจสอบหาข้อเท็จจริงได้ อาจจะมีคนที่จะต้องถวายหัวไม่น้อย

ดังนั้นนางจึงกล่าวเตือนแทน: “คราวหลังให้ระมัดระวังมากกว่าเดิมก็เพียงพอแล้ว”

หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ทำให้หลู่เฟยเกิดอาการหวาดระแวงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดนางก็จะมองด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจตลอดเวลา

ในช่วงใกล้พลบค่ำอ๋องซุนก็เดินทางมาที่นี่ เขาที่เคยบอกว่าจะเลี้ยงหยวนชิงหลิงทานอาหารชุดใหญ่ ก็ไม่ได้ผิดสัญญา เพราะว่าเขาได้นำปิ่นโตอาหารมาด้วย

ปิ่นโตอาหารของเขามีทั้งหมดสี่ชั้น พร้อมอาหารสี่อย่างด้วยกัน ซึ่งในชั้นสุดท้ายนั้นก็คือขาหมูพะโล้ อ๋องซุนหยิบอาหารออกมาพลางน้ำลายไหลไปด้วย

เจ้าหญิงโล่ผิงและเจ้าหญิงเหวินจิ้งก็เดินเข้ามาดูด้วยพลางพากันหัวเราะเยาะกับท่าทีขี้งกของอ๋องซุนที่เอาแต่แอบกิน

อ๋องซุนจึงพูดออกไปตามตรง: “นี่คือสิ่งที่ข้าตั้งใจนำมาให้นางทาน ตอบแทนที่นางรักษาน้องหกจนหายดี”

“เช่นนั้นก็ให้น้องสะใภ้ห้าทานก็พอแล้ว เหตุใดเจ้าถึงทานกับนางด้วยเล่า?” เจ้าหญิงเหวินจิ้งกล่าวเยาะเย้ย

“มีที่ไหนกันที่เลี้ยงแขกแล้วไม่ทานอาหารพร้อมกับแขกเล่า?” อ๋องซุนอย่างคงความซื่อตรง

องค์หญิงทั้งสองรู้ว่าเขาไม่อาจห้ามความอยากของตัวเองได้ จึงหยุดหัวเราะเยาะเขา

ตอนนี้ด้านในได้มีการจัดเตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงพากันเข้าไปทานอาหาร เหลือเพียงหยวนชิงหลิงและอ๋องซุนที่ทานอาหารอยู่ด้านนอก เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสงสัย แม่นมสี่จึงอยู่ข้างกายหยวนชิงหลิงตรงนั้น

หยวนชิงหลิงยังคงครุ่นคิดเรื่องการวางพิษที่เกิดขึ้นวันนี้ ซึ่งสำหรับนางแล้วผู้ที่น่าสงสัยที่สุดก็ยังคงหนีไม่พ้นคนจากจวนอ๋องจี้

มีความเป็นได้ทีพระชายาจี้ไม่ได้ล้มป่วย และนางจะออกมาในตอนที่เกิดเรื่องกับอ๋องหวยแล้วพูดถึงเรื่องที่ตัวหยวนชิงหลิงกล่าวใส่ร้ายนาง ทำให้นางเกิดความเครียดจนล้มป่วย ซึ่งนี่ความเป็นไปได้นี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย

“ครุ่นคิดอะไรอยู่กัน?” อ๋องซุนชี้ไปที่อาหาร “ทานเสียสิ ถ้าเย็นขึ้นมาจะไม่น่าทานแล้ว”

หยวนชิงหลิงจึงขยับตะเกียบไป: “เจ้าค่ะ พี่สองเองก็ทานเถอะ”

อ๋องซุนทานอย่างผ่อนคลาย เป็นคนที่ทานไม่น้อยจริงๆ กลืนเนื้อเข้าไปเลยทีละคำ ราวกับว่าไม่จำเป็นต้องเคี้ยวเลย กินเยอะยิ่งกว่าตอเป่าเสียอีก

“ได้ข่าวว่าวันนี้น้องหกถูกลอบวางยาพิษ” อ๋องซุนกล่าวถามในขณะที่น้ำมันค่อยๆ เยิ้มออกมาจากปาก

“ท่านพี่รองก็ทราบแล้วงั้นหรือ?”

“ใช่ ในตอนที่มาถึง อะหลิงก็ได้แจ้งกับข้าแล้ว” อ๋องซุนครวญเสียงออกมาจากจมูกหนึ่งทีอย่างไม่พอใจ “คนพวกนั้น ยิ่งนานยิ่งไม่ให้ความสำคัญต่อเสด็จพ่อ”

“ท่านพี่รองทราบว่าเป็นผู้ใดเช่นนั้นหรือ?” หยวนชิงหลิงกล่าวถาม

“แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องเช่นนี้จะไม่ทราบได้อย่างไร?เพียงแต่ไม่มีหลักฐานเพียงเท่านั้น”

จริงด้วย เพียงแค่ไม่มีหลักฐานยืนยันเท่านั้น

ทั้งที่ความจริงแล้วความต้องการของอ๋องจี้ ฝ่าบาทคงน่าจะมองออกอย่างชัดเจน เหตุใดพระองค์ถึงไม่คิดที่จะห้ามปรามกัน?

ถ้าหากฝ่าบาทเข้าไปก้าวก่าย เขาคงไม่กล้าที่จะทำตัวยโสโอหังถึงเพียงนี้

หรือว่าฝ่าบาทจะชอบใจในตัวเขาแล้วจริงๆ?

หากเป็นเช่นนี้ องค์ชายท่านอื่นๆ จะอยู่รอดได้อย่างไร?

หยวนชิงหลิงอดกังวลไม่ได้จริงๆ

ช่างยากเกินที่จะคาดเดาได้

หยวนชิงหลิงถาม: “ท่านพี่รอง ที่จริงเสด็จพ่อน่าจะทราบเป็นอย่างดีใช่หรือไม่?”

บางครั้งอ๋องซุนก็มีข้อมูลที่เชิงลึกที่ผู้อื่นต่างก็คาดไม่ถึง ฉะนั้นการรับฟังเขาก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

อ๋องซุนส่ายหน้า “ข้าก็ไม่ทราบ ความคิดของเสด็จพ่อผู้ใดจะคาดเดาได้กันเล่า?ถึงอย่างไรสำหรับข้าแล้วการที่ไม่ถูกเสด็จพ่อตำหนิต่อว่าก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว”

นั่นก็จริง ในฐานะผู้มีความสามารถด้านการกินและอ้วนทวนในราชวงศ์ อ๋องซุนนับว่าเป็นคนที่ไม่ได้มีบทบาทสำคัญเลย

อ๋องซุนจ้องมองไปยังขาหมูพะโล้ชิ้นสุดท้าย หยวนชิงหลิงเพิ่งทานไปเพียงชิ้นเดียว นอกนั้นก็เป็นเขาที่เขมือบไปจนหมด

“ทานเถอะ ข้าไม่ทานแล้ว” หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาอยากจะกินจึงกล่าวออกมา

อ๋องซุนมองไปด้วยสายตาที่แข็งกระด้าง ก่อนจะค่อยๆ วางตะเกียบลง “ข้าไม่ทานแล้ว ลดน้ำหนัก”

“ไม่ทานแล้วจริงหรือ?” หยวนชิงหลิงถามด้วยรอยยิ้ม

อ๋องซุนมองไปยังมันอีกรอบก่อนจะส่ายหน้าอย่างซื่อบื้อ “ไม่ทานแล้ว ข้าจะต้องมีความแน่วแน่”

เขาสั่งให้คนเข้ามานำอาหารออกไป เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้เห็นอีกเพราะอาจจะทำให้อดใจไม่ได้

เขาจะต้องควบคุมความอยากอาหารของตัวเอง ถ้าหากสามารถที่จะควบคุมความอยากของตัวเองได้ ก็จะสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง

หลังจากทานอาหารเสร็จ หยวนชิงหลิงก็เดินเล่นอยู่ในลานสักพัก แต่ก็ยังไม่เห็นหยู่เหวินเห้ามารับสักที

กู้ซือก็ยังไม่มา ถึงอย่างนั้นวันนี้กู้ซือก็คงจะไม่มาแล้ว เพราะในตอนเช้าได้แจ้งเอาไว้แล้ว

สวีอีก็ปรากฏตัวขึ้น พอเขาได้เห็นหยวนชิงหลิงก็แทบจะรอไม่ได้ที่จะเข้าไปคุกเข่าคำนับหยวนชิงหลิง เพื่อเป็นการขอบคุณที่หยวนชิงหลิงเข้าไปร้องขอกับท่านอ๋อง เขาถึงได้กลับมาอยู่ข้างกายท่านอ๋องอีกครั้ง (ยามห้าย ช่วงเวลา

แต่หยวนชิงหลิงกลับขัดคำเขาเสียก่อน “แล้วท่านอ๋องเล่า?”

“ท่านอ๋องยังไม่สามารถรีบกลับจวนได้ จึงให้หม่อมฉันมารับพระชายาไปส่งที่จวนก่อนพ่ะย่ะค่ะ” สวีอีแจง

“เขายุ่งขนาดนี้เชียวรึ” หยวนชิงหลิงจึงอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ “แล้วเขาทานอาหารหรือยัง?”

“ทานอาหาร?จะเอาตอนไหนไปทานอาหารพ่ะย่ะค่ะ?วันนี้อาหารกลางวันยังไม่ได้ทานเลยพ่ะย่ะค่ะ วันนี้ที่กรมพระยามีคดีใหญ่ที่เป็นคดีฆาตกรรมยกครัวอีกแล้ว” สวีอีพูดอย่างไม่สบายใจ

บัลลังก์หมอยาเซียน นวนิยาย บทที่ 140 มีคนวางยาพิษ FDP dowload ฟรี

ที่ บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 140 มีคนวางยาพิษ นักแสดงนำหลักและนางเอกมีอายุสั้น ด้วยกันอย่างมีความสุข จะเห็นได้ว่าทั้งคู่ซาบซึ้งในความสัมพันธ์นี้ ผู้แต่ง ลิ่วเยว่ ที่ทิ้งเนื้อหาไว้ที่ บทที่ 140 มีคนวางยาพิษ นั้นคุ้มค่าที่จะตั้งตารอ ความรักของพวกเขาจะสมบูรณ์หรือไม่ที่ บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 140 มีคนวางยาพิษ ติดตามและ บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 140 มีคนวางยาพิษ PDF ดาวน์โหลดฟรีที่ th.readeraz.com

บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 140 มีคนวางยาพิษ

นวนิยาย บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 140 มีคนวางยาพิษ