บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 283

หยู่เหวินเห้าที่ได้ยินเช่นนั้นก็ใช้มือตบโต๊ะ จนแก้วบนโต๊ะกระเด็นตกลงไปบนพื้นจนแตกเป็นชิ้นๆ“ไม่ไว้ใจนาง?คนที่ไม่มีแม้แต่ความสามารถในการปกป้องตัวเอง มีตรงไหนทำให้ข้าไว้ใจนางได้บ้าง ?เรื่องนี้ช่างมันเถอะ เอาเถอะ ข้าไม่เอาความนางเรื่องนี้ ……”

เขายกเหยือกสุราขึ้นแล้วดื่มลงไป ก่อนจะหยุดลงแล้วใช้มือเช็ดมุมปาก “เรื่องนี้ข้าจะไม่เอาความกับนาง แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่านางพูดอะไร?นางกล้าบอกว่าข้าชอบใจที่ถูกฉู่หมิงชุ่ยล่วงเกิน……”

“ฉู่หมิงหยางไม่ใช่หรือ? เจ้าเมาแล้ว” เหลิ่งจิ้งเหยียนแย้ง

หยู่เหวินเห้าหรี่ตาลงมองเขา “แล้วฉู่หมิงชุ่ยคือใคร?อ่อ รู้จัก รู้จัก……”

เขาตบโต๊ะอีกครั้ง “ใช่ฉู่หมิงหยางนั่นแหละ บังอาจพูดว่าข้าล่วงเกินฉู่หมิงหยาง แล้วข้ารู้สึกสุขใจ ……”

“เป็นฉู่หมิงหยางที่ล่วงเกินเจ้าต่างหาก !” เหลิ่งจิ้งเหยียนแย้งอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ เขาเป็นหนึ่งในบัณฑิตผู้ศึกษาวิชาการ เขาจึงไม่อาจทนต่อความบกพร่องทางภาษาเช่นนี้ได้

หยู่เหวินเห้าจ้องเขาอีกครั้ง “เหตุใดเจ้าถึงได้พูดมากเช่นนี้?เจ้าจะต้องขัดคำข้าให้ได้เลยใช่หรือไม่? ได้ เจ้าพูด เจ้าพูดมาสิว่าสรุปแล้วหยวนชิงหลิงทำอะไรผิดกันแน่”

เหลิ่งจิ้งเหยียนพายมือเชิญให้เขาพูดต่อ “ไม่ ไม่ เจ้าพูดจะดีกว่าว่านางยังทำอะไรอีกบ้าง ?”

“ก็คือนางพูดว่าฉู่หมิงหยางล่วงเกินฉู่หมิงชุ่ย แล้วข้าก็ ……” เขาหันหน้าไปอีกข้างแล้วครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมาอย่างตกใจ : “ดูสิ ข้าโกรธจนเป็นบ้าไปแล้ว นางสามารถทำให้ข้าโกรธจนเสียสติไปแล้ว หญิงขี้เหร่คนนี้ ข้ากลับไปจะต้องเฆี่ยนนางสักทีเสียหน่อยแล้ว”

เขาวางมือทั้งสองลงบนขอบโต๊ะ พยายามเรียบเรียงคำพูดอย่างหนัก อย่างไรเสียเขาก็จะต้องพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเย็นนี้ให้กระจ่าง

เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดพลางส่ายหน้า : “เรื่องเล็กแต่ทำเป็นเรื่องใหญ่ ตามที่ข้าคิดแล้วไม่ว่าตอนแรกพระชายาฉู่จะพูดอะไร นางคงจะเพียงแค่หยอกล้อเจ้าเล่นเท่านั้น แต่เจ้ากลับคิดจริงจัง เจ้าจึงคิดมากแล้วพูดถึงเรื่องที่เกิดที่จวนองค์หญิงขึ้นมา เหตุใดเจ้าถึงได้เอาเรื่องเก่ามาเล่าความใหม่ด้วยเล่า ?สิ่งต้องห้ามที่สุดในการทะเลาะคือการฝื้นฝอยหาตะเข็บเอาเรื่องที่ผ่านไปแล้วมาพูด สำหรับเรื่องของหมันเอ่อ จริงอยู่ที่พระชายาขาดการพิจารณาแล้วยังจะใจอ่อนเกินไป แต่เจ้าเองควรจะต้องคิดด้วยว่าเจ้าเป็นคนที่อยู่ในสนามรบ เคยเห็นการเข่นฆ่ากัน เคยได้เห็นกองศพที่เรียงรายเป็นภูเขา แต่นางเป็นเพียงหญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่เรือน เรื่องที่สนมซูฆ่าตัวตายในคุกคงจะทำให้นางเกิดความหวาดกลัวอย่างมาก พอเจ้าพูดว่าจะตีหมันเอ่อห้าสิบไม้โบย เช่นนั้นเท่ากับว่าต้องการฆ่าหมันเอ่อเสีย ซึ่งก็พอจะยอมรับได้ที่นางจะตื่นตระหนก จะว่าไปแล้วตอนนั้นหลังจากที่นางกลับมาจากการสำเร็จโทษสนมซู เจ้าเคยปลอบประโลมนางหรือไม่?”

หยู่เหวินเห้าตอบกลับทันที : “นางถูกจำคุก นางไม่ได้ฆ่าตัวตายเสียน้อย เหตุใดต้องปลอบประโลมนางด้วย?”

เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม : “พอกันที คนเช่นเจ้าสามารถมีพระชายาได้ก็นับว่าเป็นโชคดีมากแล้ว กลับไปเถอะ เจ้าหนีออกมาเช่นนี้จะทำให้นางตกใจเอาได้”

“ก็แค่ขู่ขวัญนางเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นนางจะไม่หลงระเริงจนได้ใจหรือไร?” หยู่เหวินเห้าตอบอย่างไม่พอใจ

กู้ซือใช้มือแตะคาง : “ใช่แล้ว ต้องขู่ขวัญนางเสียหน่อย ดีที่สุดคือขู่ขวัญจนนางไม่ทานอาหาร ไม่นอนเพราะกังวลใจจนอยากจะออกไปดู ในขณะที่ข้างนอกมืดมิดไปหมดจนกลิ้งลงบันได ……”

เขากำหมัดซ้ายแล้วเหวี่ยงเข้าไป แต่กู้ซือกลับยกมือขึ้นยับยั้งกำปั้นนั้นของเขาเอาไว้ได้ พลางถอนหายใจ : “กลับไปเถอะ เจ้าหนีออกมาดื่มสุราคนเดียว พระชายาคงจะคิดมากต่างๆ นานา เองไม่น้อย อย่าได้เอาความคิดเช่นนี้มาทำให้เจ้าเสียใจทีหลังจะดีกว่า”

หยู่เหวินเห้าเดินออกไปอย่างรวดเร็วดุจสายลม

แต่ทันทีที่เขาวิ่งออกมาถึงลานด้านนอกก็ล้มพับลงไปกับพื้นทันที

กู้ซือรีบวิ่งออกมาช่วยพยุงเขาเอาไว้ “ดูๆ ดูความคออ่อนของเจ้าสิ ยังดื่มไม่ถึงสองสามเหยือกก็เมาจนกลายเป็นสภาพนี้ไปแล้ว”

หยู่เหวินเห้าพูดอย่างบ้าคลั่ง : “พร่ำบ่นอะไรนักหนา?ยังจะไม่ส่งข้ากลับจวนอีก?”

กู้ซื้อจึงต้องพยุงเขาออกไปข้างนอก “ข้าล่ะไม่อยากสนใจเจ้าเลยจริงๆ โตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้วยังจะทำตัวเป็นเด็กน้อยวิ่งหนีออกมาอีก มีเรื่องอันใดพูดคุยปรับความเข้าใจกันไม่ได้หรือ? ก็แค่หมันเอ่อคนหนึ่งไม่ใช่หรือไร?คนทั้งจวนยังไม่สามารถดูแลนางได้อีกหรือ?เจ้ากลัวหมันเอ่อจะทำร้ายพระชายาขนาดนี้เลยงั้นหรือ?เจ้าเองก็รู้ดีว่าพระชายามีองครักษ์ลับผีของไท่ซ่างหวงคอยปกป้องคุ้มครองอยู่ เจ้าก็แค่ไม่พอใจที่พระชายาปกป้องสาวใช้คนนั้น แล้วยังไม่ชอบใจที่นางเยาะเย้ยเรื่องของเจ้ากับฉู่หมิงหยาง ขี้น้อยใจ !”

หยู่เหวินเห้ารู้สึกรำคาญที่ได้ยินเขาพูดพร่ำทำเพลง จึงใช้มือบิดคอเขา “พอเสียที ข้าจะขี่ม้ากลับเอง”

“หยุดเถอะ จะยืนให้มั่นคงเจ้ายังทำไม่ได้เลย” กู้ซือดึงเขาเข้าไปในรถม้า โดยระหว่างทางกลับได้เปิดผ้าม่านเอาไว้เพื่อให้ลมพัดช่วยให้เขาสร่างเมา

หลังจากมาถึงจวนอ๋อง กู้ซือก็ฝากเขาไว้ให้กับทังหยางแล้วกลับไปทันที

ตอนนี้หยู่เหวินเห้าสร่างเมาแล้วไม่น้อย ทั้งยังยืนยันที่จะไม่ให้ทังหยางประคองเขา ในขณะระหว่างทางเขาพยายามที่จะไม่ถามถึงหยวนชิงหลิง จนเดินมาถึงตำหนักเซี่ยวเยว่ เขาถึงค่อยชะงักฝีเท้าลงแล้วกล่าวถาม : “นางทานอาหารหรือยัง?”

“แม่นมสี่บอกว่าพระชายาไม่ทานเลยแม้แต่คำเดียวพ่ะย่ะค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน