บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 417 หลักฐานสามอย่าง

sprite

พระชายาจี้เหมือนกำลังรอหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงมา

นางค่อยๆลุกขึ้นเดินมาตรงหน้าหยู่เหวินเห้า พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าห้าหุ่นคนนี้ให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”พูดเสร็จ แล้วก็ยื่นมือทั้งคู่ออกไป

เพราะว่านางป่วยทั้งเนื้อทั้งตัวจึงดูผ่านผอมอย่างมาก มือที่ยื่นออกมาจึงเหมือนดั่งเล็บมือไก่ ไม่มีเนื้อเลยสักนิด

หยู่เหวินเห้าวางหุ่นคนตัวเล็กไว้บนมือของนาง

นางจับมาพลิกดูไปมา ถึงขั้นใช้ปิ่นปักผมเขี่ยดูสำลีข้างในอย่างละเอียด

อ๋องจี้ลุกขึ้นมาในทันที คว้าจับข้อมือของนางไว้พร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเสแสร้งอะไร? ค้นพบในพระอุโบสถของเจ้า ไม่ใช่ฝีมือเจ้าก็ต้องเป็นคนของเจ้าทำ ยังจะมีอะไรต้องอธิบาย? เข้าวังไปกับข้า ให้เสด็จพ่อเป็นคนลงโทษ”

พระชายาจี้เม้นริมฝีปากหัวเราะ สายตามองดูอ๋องจี้อย่างเยาะเย้ย แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านอ๋องวางใจ ในวังยังไงก็ต้องเข้าไป แต่ก่อนที่จะเข้าวัง ต้องไปยังเจ้ากรมการพระนครก่อน ในเมื่อยังไงเราก็จะเข้าไปเดือดร้อนในวังอยู่แล้ว ก็ไม่เป็นไรที่จะเดือดร้อนที่ทำการปกครองด้วย ท่านอ๋องปล่อยมือก่อนได้ไหม ให้ข้าพูดได้พูดหน่อยได้ไหม?”

“เรื่องมาถึงขนาดนี้ ยังจะมีอะไรควรพูดอีก?” แววตาอ๋องจี้เยือกเย็น คว้าจับมือของนางแล้วก็จะดึงออกไปข้างนอก แล้วหันมาพูดกับหยู่เหวินเห้าว่า “เจ้าห้าเจ้าวางใจ ยังไงวันนี้ก็จะให้ความยุติธรรมกับเจ้า”

หยวนชิงหลิงลุกขึ้นเดินมาห้าม พร้อมพูดขึ้นว่า “ช้าก่อน ข้าอยากฟังพระชายาจี้พูดก่อน”

ปกติอ๋องจี้เกลียดชังหยวนชิงหลิง เรื่องในวันนี้ เดิมควรที่จะจัดการกันเองก่อน แล้วค่อยไปทูลเสด็จพ่อ ซึ่งเสด็จพ่อเกลียดชังการทำคุณไสย ยังไงก็ต้องมีคำสั่งให้หย่ากับนาง และที่สำคัญที่สุดก็คือ เสด็จพ่อไม่มีไต่สวนหรือทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเสด็จพ่อไม่ยินยอมที่จะฟังด้วยซ้ำ มีแต่จะจัดการโดยทันที

เพียงแต่ไม่ได้ป้องกัน ปล่อยให้คนของนางไปตามเจ้าห้ามา

วินาทีที่เจ้าห้าเข้ามา ในใจของเขาหนักอึ้ง

อ๋องจี้จ้องมองดูหยวนชิงหลิง พูดขึ้นด้วยแววตาเย็นชาว่า “ไม่มีความจำเป็นที่จะฟังนางพูด ทุกอย่างให้เสด็จพ่อเป็นคนจัดการ”

หยวนชิงหลิงไม่ได้เกรงกลัวแววตาที่เย็นชาของเขา นางพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้า ข้ามีสิทธิ์รับรู้ความเป็นมาของเรื่องทั้งหมด”

หยู่เหวินเห้ายื่นมือจับข้อมือของอ๋องจี้ไว้ บีบให้เขาปล่อยพระชายาจี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ ในเมื่อเรื่องเกี่ยวข้องกับพระชายาของข้า พวกเราจึงควรรับรู้ความเป็นมาของเรื่องทั้งหมด”

“หยู่เหวินเห้า เจ้าปกป้องหยวนชิงหลิงมากไม่ใช่หรือ? ทำไมวันนี้มีคนทำคุณไสยใส่นาง เจ้ากับช่วยคนร้าย? แสดงให้เห็นว่าก็เป็นการเสแสร้งเหมือนกัน”

คนที่พูดคือฉู่หมิงหยาง ดวงตาคู่หงส์ของนางเงยขึ้น จ้องมองดูหยู่เหวินเห้าอย่างเย็นชา ท่าทีแลดูเยาะเย้ยเหยียดหยาม

จวนอ๋องจี้นี้ยังมีกฎระเบียบอยู่ไหม? นายยังไม่พูดอะไร เป็นแค่เมียน้อย พูดแทรกทำไม? แสดงว่าปกติพี่สะใภ้ไม่มีความสามารถ แม้แต่เมียน้อยคนหนึ่งก็เอาไม่อยู่ และที่แปลกก็คือ เมียน้อยคนนี้สามารถบุกเข้าไปในอารามของเมียหลวง ค้นหาตุ๊กตาต้องคำสาปที่ซ่อนอยู่ออกมาได้ ส่วนพี่ใหญ่ก็ยิ่งแปลก ไม่ฟังแม้กระทั่งคำอธิบายของพี่สะใภ้

หยู่เหวินเห้าพูดโต้ตอบก่อนแล้วก็พูดเข้าเรื่องโดยตรง เพื่อไม่ให้พวกเขาทะเลาะวิวาท จนบิดเบียนเรื่องสำคัญไป

คำพูดของเขา เท่ากับเป็นการชี้ชัดว่าเป็นอ๋องจี้กับฉู่หมิงหยางแล้ว

ฉู่หมิงหยางโกรธจัด ยกมือขึ้นกำลังจะตบเขา กลับถูกอะซี่ดึงมือไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ลงมือ? ถามข้าก่อนหรือยัง?”

ฉู่หมิงหยางถลึงตาใส่อะซี่อย่างโกรธจัด พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากำเริบเสิบสาน”

“กำเริบเสิบสานแล้วยังไง?”เสียงของอะซี่สูงกว่านาง

ฉู่หมิงหยางรู้ว่าตนเองสู้นางไม่ได้ จึงชักมือกลับอย่างโกรธเคือง เมินส่งเสียงเชิดใส่หนึ่งที แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก

พระชายาจี้ฟังคำพูดหยู่เหวินเห้า แล้วก็อึ้งไปสักพัก แล้วก็จ้องมองเขาอยู่นิ่งๆ

อารมณ์ความรู้สึกของนาง ซับซ้อนขึ้นมาในทันใด ดวงตาก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

นานแล้ว เนิ่นนานมากแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างนางล้วนต้องแบกรับคนเดียว แก้ไขปัญหาคนเดียว ไม่เคยมีใครยื่นมือเข้ามาช่วย นอกจากคนในครอบครัวของนางที่สนับสนุนเรื่องเงินทองมาตลอดแล้ว หลายปีมานี้นางล้วนผ่านทุกอย่างมาได้ด้วยตนเอง

ที่จริง นางให้เพ่ยเอ๋อไปเชิญหยวนชิงหลิงมา ไม่ใช่เพื่อให้หยวนชิงหลิงช่วยนาง เพียงแค่ต้องการให้นางมาเป็นพยาน ในขณะเดียวกัน ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วหยวนชิงหลิงก็ต้องรู้ นางไม่อยากให้หยวนชิงหลิงเข้าใจนางผิดอีก

นางพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “วันนี้ข้าเพิ่งเตรียมตัวกำลังจะไปจวนอ๋องฉู่ กลับถูกคนขวางทางไว้ บอกว่าตอนที่ชายารองเข้าไปไหว้พระที่พระอุโบสถของข้า ได้พบเจอตุ๊กตาตัวนี้ด้านหลังพระพุทธรูป ท่านอ๋องสั่งให้ข้ากลับมาที่จวนทันที ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นตุ๊กตานี้มาก่อน และก็ไม่รู้วันเดือนปีเกิดของพระชายาอ๋องฉู่ ดังนั้น ตุ๊กตาตัวนี้ไม่ใช่ของข้า

อ๋องจี้หัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ค้นเจอในพระอุโบสถของเจ้า หากไม่ใช่ของเจ้าแล้วจะเป็นของใคร”

พระชายาจี้มองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “จะสืบไม่ใช่เรื่องยาก ท่านอ๋องจะสืบไหม?”

อ๋องจี้มองดูดวงตาที่ลึกซึ้งของนาง รู้แก่ใจดีว่านางเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้ง และฉลาดมาก คิดว่านางคงมีหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองบริสุทธิ์

ในใจของเขาครุ่นคิด ทันใดนั้นก็คว้าจับข้อมือของนางพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องสืบ เรื่องนี้ต้องทูลเสด็จพ่อเท่านั้น ฟังเสด็จพ่อตัดสินก็พอ”

พูดเสร็จ คว้าดึงจับนางแล้วก็เดินออกไปข้างนอก

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นด้วยเสียงอึมครึมว่า “พี่ใหญ่ ในเมื่อจะเข้าวัง งั้นพวกเราไปด้วยกัน”

“ข้าบอกแล้ว ว่าจะให้ความยุติธรรมแก่เจ้า” อ๋องจี้หันกลับมาพูดขึ้นด้วยดวงตาเฉียบคมว่า “เจ้าห้า ข้าไว้หน้าเจ้าแล้วนะ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องมายุ่งเกี่ยว”

“หากบนตัวตุ๊กตานี่ ไม่ได้เขียนวันเดือนปีเกิดกับชื่อของเจ้าหยวน ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่เรื่องภายในจวนอ๋องจี้ของพวกเจ้า ในเมื่อเกี่ยวข้องกับเจ้าหยวน

บัลลังก์หมอยาเซียน นวนิยาย บทที่ 417 หลักฐานสามอย่าง ออนไลน์ฟรี

ที่ผู้แต่ง ลิ่วเยว่'s บทที่ 417 หลักฐานสามอย่าง บัลลังก์หมอยาเซียน , รายละเอียดของเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง ความรักของนักแสดงนำชายและหญิงอยู่ในจุดบอด ไม่ใช่แค่ความรักที่บริสุทธิ์ แต่ผู้เขียน ลิ่วเยว่ ก็ต้องการถ่ายทอดปัญหาเพิ่มเติมเช่นกัน เป็นไปได้ไหมว่าใน บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 417 หลักฐานสามอย่าง ความรักของนักแสดงนำชายและหญิงสามารถมารวมกันได้? ครอบครัวพระเอกจะรับไหม? ติดตาม บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 417 หลักฐานสามอย่าง ที่ th.readeraz.com

บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 417 หลักฐานสามอย่าง

บัลลังก์หมอยาเซียน นวนิยาย บทที่ 417 หลักฐานสามอย่าง