บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 460 ประกาศราชโองการของข้า

sprite

กู้ซือเดินออกไปช้า ๆ จนถึงประตูห้องด้านนอก จู่ ๆ ก็หันหลังกลับมาฟาดดาบในมือฟันเข้าใส่หลี่มู่ หลี่มู่รู้สึกถึงไอสังหารจากด้านหลังด้วยสัญชาตญาณ จึงก้มตัวหลบหลีกอย่างว่องไว ทังหยางก็โจมตีเข้ามาด้วย หลี่มู่ถูกโจมตีทั้งหน้าและหลัง ไม่ทันระวังเพียงชั่วครู่จึงพลาดพลั้งเสียทีโดนควบคุมตัวเอาไว้ได้

เสียนเฟยพูดอย่างโกรธเคืองว่า: “บังอาจ! พวกเจ้าลงมือให้ข้าเดี๋ยวนี้ จัดการกู้ซือกับทังหยางให้ได้ ใครทำได้ข้าจะทูลขอรางวัลใหญ่จากไทเฮาให้เอง!”

ทหารอารักขารุมเข้าไปพร้อมกัน เพื่อช่วยหลี่มู่จากการถูกควบคุมตัว

เมื่อทหารรักษาพระองค์ของกู้ซือ กับทหารจวนของทังหยางเห็นดังนั้น ก็รีบวิ่งกรูกันเข้ามา และแล้วในห้องชั้นนอกเล็ก ๆ แห่งนี้ ก็เกิดการต่อสู้อันวุ่นวายโกลาหลขึ้นมาในที่สุด

เสียนเฟยเฝ้าประตูอย่างดื้อรั้น ไม่ยอมให้ใครเข้าไปเด็ดขาด

ข้างใน เป็นช่วงเวลาวิกฤติแห่งความเป็นความตาย

ข้างนอก เป็นการขัดขวางที่มีเจตนาร้ายแอบแฝง

เห็นได้ชัดว่า ทหารอารักขาไม่ใช่คู่มือของกองทหารรักษาพระองค์ แต่ทหารรักษาพระองค์ที่เดิมทีไทเฮาทรงส่งมาเพื่อประจำการภายในจวน กลับเข้ามาร่วมแทรกแซงด้วย

เป็นเพราะเสียนเฟยได้ประกาศพระราชเสาวนีย์ของไทเฮา พวกเขาฟังเพียงพระราชเสาวนีย์ของไทเฮาเป็นสำคัญ

ชั่วขณะหนึ่ง ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบไปกว่ากัน แต่ว่าแม่นมสี่ก็ยังพาสาวใช้เข้าไปในห้องชั้นในไม่ได้เหมือนเดิม

แม่นมสี่ตกอยู่ในสภาวะร้อนใจดั่งไฟลน นางดึงปิ่นปักผมออกมา มือหนึ่งยื่นไปบีบคอของเสียนเฟยแล้วจ่อปิ่นปักผมด้ามนั้นไปที่ใบหน้าของนาง ร้องตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวว่า: “พวกเจ้าทุกคน หยุดมือให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

“เจ้าคิดจะกบฏอย่างนั้นรึ?” เสียนเฟยโกรธจัด คิดไม่ถึงว่าแม่นมสี่จะกล้าทำเรื่องที่ไม่รักชีวิตเช่นนี้ นางแค่นยิ้มเย็นชา “ไม่ต้องไปสนใจนาง ถึงอย่างไรนางก็ไม่กล้าทำร้ายข้าแม้แต่ปลายเล็บแน่"

แม่นมสี่กัดฟันพูดขึ้นว่า “เสียนเฟย อย่าขยับ ข้าไม่รู้ว่าจะพลั้งมือทำอะไรลงไปบ้าง ท่านอย่าได้บังคับข้า ตอนนี้ความปลอดภัยของพระชายาสำคัญกว่าทุกสิ่ง”

นางคว้าตัวเสียนเฟยไว้แล้วผลักไปข้างหน้า กวาดสายตามองบรรดาทหารอารักขาด้วยสายตาโกรธเคือง "พวกเจ้าทุกคนถอยไปให้หมด ให้คนของข้าเข้าไป"

แม่นมหูตกใจแทบตายแล้ว รีบพูดเกลี้ยกล่อมทันที: "แม่นมสี่ อย่าหุนหันพลันแล่นอย่างนี้สิ เจ้าจับเสียนเฟยเป็นตัวประกัน มีโทษถึงตายเชียวนะ!"

แม่นมสี่บีบบังคับทหารที่เข้ามาขัดขวางเหล่าสาวใช้ แววตาทอประกายคลุ้มคลั่ง “ถอยไป!

คุ้มครองที่ประตูไว้!” เสียนเฟยถูกจับเป็นตัวประกัน แต่ยังคงท่าทีเย็นชาและดื้อรั้น “ข้าจะดูซิว่านางจะกล้าทำร้ายข้าจริง

แม่นมสี่ก็คิดถึงแค่สถานการณ์ของพระชายา นางตัดสินใจแบบที่เรียกว่าตายเป็นตาย ออกแรงมือข้างที่ถือปิ่นกรีดลงบนใบหน้าของเสียนเฟยอย่างแรง ปรากฏรอยเลือดทางหนึ่งขึ้นมาทันที เสียนเฟยกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก ทหารอารักขาตกใจ

“กู้ซือ รีบเปิดประตูแล้วบอกให้พวกนางเข้าไปข้างใน!” แม่นมสี่ตะโกนสั่งทันที

กู้ซือวิ่งไปเปิดประตู ให้สาวใช้ทั้งสามเข้าไป แล้วรีบปิดประตูตามหลังอย่างรวดเร็ว

แม่นมสี่รู้สึกโล่งใจได้ในที่สุด จึงปล่อยตัวเสียนเฟย

พบว่ามือเปื้อนอาบไปด้วยเลือดจนชุ่มโชก นางหันหลังไป เงื้อมือขึ้นตบหน้า แล้วยังเตะไปที่ท้องของแม่นมสี่อีกที โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม "นางทาสต่ำช้า

"เสียนเฟยจะฆ่าใครอย่างนั้นรึ?"

ที่ด้านนอก ปรากฏน้ำเสียงที่โกรธเคืองแต่ยังแฝงความงามสง่าดังแว่วมา เป็นเสียงที่ฟังแล้วช่างคุ้นหูอย่างยิ่ง

จึงได้เห็นหยู่เหวินเห้าดึงตัวเจ้าอาวาสเข้ามา ทั้งสองไม่สนใจสถานการณ์ตรงนี้แม้แต่น้อย เร่งฉีดสเปรย์ลงบนร่างตรง

“ทุกคนไสหัวออกไปให้ข้าเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้หมิงหยวนคำรามเสียงดังลั่นมาจากข้างนอก

ห้องคลอดที่เต็มไปด้วยคาวเลือดนั่น พระองค์ไม่เข้าไป

เห็นฮ่องเต้หมิงหยวนที่กำลังโกรธกริ้วเต็มที่ หัวใจของนางก็หน่วงหนักขึ้นมา รีบร้องไห้อย่างรวดเร็ว: “ฝ่าบาท ท่านมาเสียทีนะเพคะ ท่านมาก็ดีแล้ว กู้ซือกับแม่นมสี่มีเจตนาร้ายคิดจะฆ่าพระชายา

ทุกคนก็ต่างก็ออกมาคุกเข่าลงกับพื้นทีละคน ไม่มีใครปฏิเสธข้อกล่าวหา แม่นมสี่ก็คุกเข่าด้วยเช่นกัน “หม่อมฉันขอน้อมรับพระอาญาเพคะ!”

ฮ่องเต้หมิงหยวนปรายสายพระเนตรมองแม่นมสี่แวบหนึ่ง จากนั้นจึงมองเสียนเฟยอีกครู่ใหญ่ มองจนในใจของเสียนเฟยเกิดความรู้สึกยะเยือกขึ้นมา จึงค่อยยื่นพระหัตถ์ออกไปเชยคางของนาง แล้วมองอย่างพินิจ "บาดแผลลึกมากจริง ๆ เสียด้วย"

สายพระเนตรพลันมืดทะมึนวูบ พลิกพระหัตถ์แล้วตบเข้าที่หน้าของเสียนเฟยไปฉาดหนึ่ง

เสียนเฟยตกตะลึงจนอึ้งค้าง ยกมือขึ้นกุมหน้า พลางจ้องมองฮ่องเต้หมิงหยวนด้วยความตกใจไม่อยากเชื่อ "ฝ่าบาท...."

“ทหาร ส่งเสียนเฟยกลับวังไปเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้หมิงหยวนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เสียนเฟยยังไม่ยินยอม กัดฟันพูดว่า: "ฝ่าบาท เหตุใดท่านจึงได้ตำหนิหม่อมฉันล่ะเพคะ? หม่อมฉันมาที่นี่ด้วยถือพระราชเสาวนีย์ของไทเฮามาแท้ๆ

“เสียนเฟย” ฮ่องเต้หมิงหยวนตัดบทนางอย่างเย็นชา “เจ้าควรขอบคุณลูกสะใภ้ของเจ้า ที่ให้กำเนิดพระโอรสทั้งสามแก่ราชวงศ์ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่จะประกาศนับจากเวลานี้ไป คือคำสั่งปลดฐานันดรของเจ้า วันนี้เป็นวันมหามงคลที่น่าปิติยินดีอย่างยิ่ง ข้าจะไม่สั่งลงโทษเจ้า ไม่สั่งปลดเจ้า แต่หากเจ้ายังไม่รู้จักกลับตัวกลับใจ ราชโองการปลดพระชายานี้ ข้าจะเตรียมไว้ให้เจ้าเอง จะหยิบมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น”

พระองค์ยกพระหัตถ์ขึ้น “นำตัวไป!”

ครั้งนี้เสียนเฟยไม่โต้เถียงอะไรอีก เพียงค้อมกายรับอย่างโศกเศร้า “หม่อมฉันรู้ความผิดแล้วเพคะ!”

ที่ก้นบึ้งของหัวใจ แม้ว่านางจะเจ็บปวดอย่างยิ่ง แต่กลับมีร่องรอยของความรู้สึกยินดีสายหนึ่งเพิ่มพูนขึ้นในใจอย่างช้า ๆ

วันนี้ฝ่าบาทก็ทรงทราบเจตนาแฝงของนาง แต่พระองค์กลับไม่รับสั่งให้ปลดนาง เพราะพระองค์ตรัสแล้วว่า

วันนี้เป็นวันแห่งความปิติยินดี จวนอ๋องฉู่มีซื่อจื่อแล้ว ราชวงศ์มีผู้สืบทอดแล้ว และรัชทายาท ก็ไม่อาจมีแม่ที่ถูกปลดจากฐานันดรได้

หมายความว่าฝ่าบาท ทรงกำหนดตำแหน่งแน่ชัดแล้วอย่างนั้นหรือ?

เสียนเฟยถูกส่งตัวกลับไป บรรดาคนที่ต่อสู้จนวุ่นวายเมื่อครู่ ก็ถูกกวาดต้อนออกไปจนหมด

ฮ่องเต้หมิงหยวนพยุงแม่นมสี่ขึ้นมาด้วยองค์เอง ทอดพระเนตรดวงตาสีแดงก่ำ และใบหน้าบวมช้ำของนาง "วันนี้ ลำบากแม่นมแล้วจริงๆ"

แม่นมสี่ถึงกับหลั่งน้ำตา “หม่อมฉันหวังเพียงให้พระชายาปลอดภัยก็พอเพคะ!”

ต้องปลอดภัยแน่” ฮ่องเต้หมิงหยวนตรัส ขณะที่สายพระเนตรก็มองไปยังห้องผ่าตัด “สามารถอุ้มเด็กๆ

ที่เจ้าห้าสามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าอาวาสขอให้ราชรถหลวงส่งเขากลับมาที่จวนอ๋องฉู่ ดังนั้นหยู่เหวินเห้าจึงไม่ต้องไปไกลมาก ก็ได้พบกับเจ้าอาวาสระหว่างทางเข้าพอดี

ที่คลอดมาเป็นเด็กผู้ชายถึงสามคน ในพระทัยรู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง คำสาปที่ทับถมอยู่บนศีรษะมาเนิ่นนาน ก็มีอันถูกปลิดทิ้งไปในบัดดล

คิดไม่ถึงว่า เพิ่งจะไปถึงห้องชั้นนอก ก็ได้ยินเสียงวุ่นวายโกลาหลดังออกมาจากในห้องคลอดแล้ว

พระองค์ก็แทบจะอดรนทนไม่ไหว อยากจะเห็นหน้าเด็ก

ๆ ในตอนนี้ จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างไร้มนุษยธรรมไปหน่อย เพราะจะอย่างไร

แต่มันไม่มีหนทางที่จะระงับความรู้สึกที่ว่า ตนเองกำลังจะได้เป็นเสด็จปู่เอาไว้ได้จริง ๆ

ทรงโปรดกลับไปรอที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ก่อนเถิดเพคะ หลังจากอาบน้ำล้างเนื้อตัวเสร็จ

อันที่จริงเด็ก ๆ จำเป็นต้องได้รับพร พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการอวยพรจากเสด็จปู่

ฮ่องเต้หมิงหยวนตอบรับ แล้วหันหลังพาคนไปรอยังตำหนักเซี่ยวเยว่

ๆ หนึ่งถ้วยชาอย่างกระวนกระวายใจ พระองค์ก็ตรัสถามขึ้นว่า: "เหตุใดจึงนานเช่นนี้?

มู่หรูกงกงยิ้มแล้วพูดว่า "ฝ่าบาท นี่เพิ่งผ่านมาเพียงครู่เดียวเองพ่ะย่ะค่ะ"

ฮ่องเต้หมิงหยวนไขว้พระหัตถ์ไปข้างหลัง เดินไปมาไม่หยุด

อ่าน บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 460 ประกาศราชโองการของข้า

ผู้แต่ง ลิ่วเยว่ ที่ บัลลังก์หมอยาเซียน นวนิยาย บทที่ 460 ประกาศราชโองการของข้า ให้รายละเอียดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นางเอกใน บทที่ 460 ประกาศราชโองการของข้า บัลลังก์หมอยาเซียน ที่มีบุคลิกเสรีนิยมและเข้มแข็ง ได้นำเรื่องราวมาสู่รายละเอียดที่คาดไม่ถึง ส่งผลให้ความรักของคนสองคนเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น นวนิยาย บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 460 ประกาศราชโองการของข้า ได้อัปเดตบทล่าสุดที่ th.readeraz.com อ่านชุดเต็ม บัลลังก์หมอยาเซียน แล้ววันนี้

บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 460 ประกาศราชโองการของข้า

บัลลังก์หมอยาเซียน นวนิยาย บทที่ 460 ประกาศราชโองการของข้า