บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 5 ตบฉาดหนึ่ง

แม่นมฉีคุกเข่าลงกับพื้น อ้อนวอนขอร้องไห้หมอลี่ช่วยเหลือ หมอลี่หันไปมองขุนนางรับใช้ที่มีนามว่า ทังหยาง อย่างขอความช่วยเหลือ ทังหยางพูดขึ้นอย่างอึกอักลำบากใจว่า "ท่านหมอ ถ้าอย่างไรก็ลองดูสักหน่อยดีหรือไม่ขอรับ?"
หมอลี่แค่นเสียงหัวเราะเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง “ ลองดู ? คนใกล้จะตายอยู่แล้ว หากข้ารับรักษา จะพลอยส่งผลให้ชื่อเสียงของข้า ต้องเสียหายด่างพร้อยไปเสียเปล่าๆน่ะสิ”
หลังจากแม่นมฉีได้ยินคำพูดนี้ ก็ร้องไห้จนแทบจะเป็นลมล้มลงไปให้ได้ เอาแต่ตีอกชกหัวตัวเองพลางกู่ร้องก้องตะโกนว่า“ หลานชายข้า! หลานชายที่น่าสงสารของข้า!”
ลู่หยารีบก้าวขึ้นไปข้างหน้า ช่วยประคองนางแล้วพาไปนั่งลงอีกด้าน
ทางฝั่งของขุนนางรับใช้นามทังหยาง ก็ยังคงพูดกับหมอต่อไปว่า "เด็กคนนั้นกำลังเจ็บปวดมากจริงๆนะขอรับ หรืออย่างไรท่านหมอโปรดสั่งยาสักเทียบ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของเขาลงบ้าง ทางเราจะไม่บอกกับใครทั้งนั้น ว่าได้รับการรักษาจากท่านหมอ"
ระหว่างที่ทังหยางพูดไป เขาก็ยัดเงินเข้าไปในแขนเสื้อของหมอไปด้วย
ตอนนี้เองหมอลี่ถึงค่อยพูดขึ้นว่า “ถ้าแค่บรรเทาความเจ็บปวดก็ยังพอคุยกันได้ แต่แค่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้เท่านั้นนะ มันไม่ได้มีผลในการรักษาให้หายดี คนเราหากถึงเวลาต้องไป อย่างไรก็ต้องไป”
"ขอรับ ขอรับ!" ทังหยางเอง ก็หวังเพียงแค่ให้หกเกอเอ๋อได้ไปแบบสบายสักหน่อยก็ยังดี เด็กคนนี้น่าสงสารมากจริงๆ ตัวเขาเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่ได้เห็นเด็กน้อยคนนี้เกิดและเติบโตขึ้นมากับตาเช่นกัน
แต่ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดผลัวะแล้วปิดลงทันที
ลู่หยาพอจะจำเสื้อผ้าที่เห็นตอนบานประตูถูกปิดลงได้ จึงร้องอุทานออกมาอย่างตกตะลึงว่า "เป็นพระชายา!"
ก็ทั้งเสียใจทั้งโกรธเกรี้ยว นางรีบวิ่งเข้าไปเหมือนแม่สิงโตที่บ้าคลั่ง พุ่งเข้ากระแทกประตูอย่างกราดเกรี้ยวรุนแรง "เปิดประตู!
เสียงนั้นไม่ได้ดังมาก ทั้งไม่ได้มีคำพูดอะไรมากมาย มีเพียงแค่คำสามคำเท่านั้น
คนถึงกับเหลือลมหายใจเพียงครึ่งเดียวแล้วแท้ๆ ยังจะมีหนทางช่วยเหลืออะไรได้อีก
หันไปมองทังหยางด้วยแววตาสิ้นหวัง“ ใต้เท้าทัง ข้าขอร้องท่านล่ะเจ้าค่ะ ได้โปรดให้คนมาพังเปิดประตูด้วยเถิด ข้าน้อยอยากไปอยู่กับเขา
ทังหยางคิดไม่ถึงจริงๆว่า พระชายาจะบุกเข้ามาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ นี่มันเรื่องวุ่นวายบ้าบออะไรกัน?
ดูเหมือนว่านางจะฟังสิ่งที่ท่านอ๋องพูดไม่เข้าใจสินะ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าเขาใจร้ายที่ไปฟ้องท่านอ๋องล่ะ!
เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด "ลู่หยา รีบไปเชิญท่านอ๋องเร็วเข้า หากไม่มีท่านอ๋องอยู่ พวกเราไม่อาจเสียมารยาทต่อพระชายาได้ จากนั้นค่อยไปเรียกคนมาสักสองสามคน มาพังประตูให้เปิดซะ"
"เจ้าค่ะ!" ลู่หยาเองก็เป็นโกรธเป็นแค้นมากเช่นกัน รับคำเสร็จก็รีบวิ่งออกไปทันที
ทังหยางขอให้หมอเขียนใบสั่งยาบนก้อนหินประดับที่อยู่ในลานไปก่อน เพื่อให้ง่ายต่อการสั่งคนไปรับยา
หยวนชิงหลิงที่อยู่ข้างใน ได้ยินการเคลื่อนไหวที่อยู่ข้างนอกทั้งหมด ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องรีบใช้เวลาที่มีอยู่อย่างน้อยนิดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
หกเกอเอ๋อไม่รู้สึกตัวจนเข้าสู่อาการเพ้อแล้ว แต่ยังคงร้องครางเพราะความเจ็บปวดไม่หยุด
หยวนชิงหลิงมองสำรวจบาดแผลของเขา เริ่มมีหนองไหลที่บริเวณขอบตา ดวงตาทั้งสองข้างบวมช้ำ เป็นการแสดงว่าติดเชื้อแบคทีเรียแล้วนั่นเอง
หยิบยาปฏิชีวนะแบบฉีดออกมาฉีดให้เขาเข็มหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยหยิบมีดผ่าตัดกับเบตาดีนออกมา หลังจากฆ่าเชื้อเสร็จ
การฝืนกรีดระบายหนองออก จึงส่งผลให้เด็กน้อยทนไม่ไหว
นางก็ถึงกับเอาหัวกระแทกกับประตูอย่างรุนแรง พลางร้องก่นด่าสาปแช่งไม่หยุด " มีอะไรก็มาลงที่ข้าสิ! ถ้าเจ้าทรมานเขาอีก ต่อให้ข้าต้องตายกลายเป็นผี
"ช่างโหดเหี้ยมร้ายกาจเกินไปแล้ว!" เมื่อหมอได้ยินเสียงร้องนั้น ยังถึงกับอดส่ายหัวให้ไม่ได้
ทังหยางทั้งโกรธทั้งปวดใจ แต่เขาก็กลัวว่าแม่นมฉีจะเอาหัวชนจนเป็นอะไรไปอีกคน จึงจำต้องรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วคว้าตัวนางเอาไว้
เพียงไม่นาน ลู่หยาก็เชิญอ๋องฉู่มาถึงที่นั่น
อ๋องฉู่เพิ่งจะเดินเข้าประตูลานอ่ายมา ก็ได้ยินเสียงร้องของหกเกอเอ๋อ ดังลั่นออกมาจากข้างใน
บัลลังก์หมอยาเซียน นวนิยาย บทที่ 5 ตบฉาดหนึ่ง ออนไลน์ฟรี
ที่ผู้แต่ง ลิ่วเยว่'s บทที่ 5 ตบฉาดหนึ่ง บัลลังก์หมอยาเซียน , รายละเอียดของเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง ความรักของนักแสดงนำชายและหญิงอยู่ในจุดบอด ไม่ใช่แค่ความรักที่บริสุทธิ์ แต่ผู้เขียน ลิ่วเยว่ ก็ต้องการถ่ายทอดปัญหาเพิ่มเติมเช่นกัน เป็นไปได้ไหมว่าใน บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 5 ตบฉาดหนึ่ง ความรักของนักแสดงนำชายและหญิงสามารถมารวมกันได้? ครอบครัวพระเอกจะรับไหม? ติดตาม บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 5 ตบฉาดหนึ่ง ที่ th.readeraz.com
บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 5 ตบฉาดหนึ่ง
บัลลังก์หมอยาเซียน นวนิยาย บทที่ 5 ตบฉาดหนึ่ง