บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 510 เพื่อนรักตลอดชีวิต

sprite

หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หันหน้ากลับไปมองอาซี่ "ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนี้ล่ะ?"

อาซี่ตอบว่า: “ข้าแค่รู้สึกว่า อุปสรรคเดียวในใจนางตอนนี้น่าจะเป็นอ๋องเว่ยเท่านั้นแล้ว ถ้าหากนางต้องการจะปล่อยวางให้ได้จริง ๆ ก็น่าจะไปหาอ๋องเว่ยแล้วคุยกันให้รู้เรื่องไปเลยกระมัง?”

“ยังมีอะไรที่ต้องพูดกันอีกล่ะ?” หยวนชิงหลิงนึกถึงบาดแผลที่อ๋องเว่ยทำกับนางไว้อย่างแสนสาหัส ก็หวังเพียงว่า อ๋องเว่ยจะถอยออกไปจากชีวิตของนางเสียที อย่าได้ไปตามตอแยอะไรนางอีกเลยจะดีที่สุด

“ก็ไม่รู้สิ” อาซี่ไม่เข้าใจความรักระหว่างชายหญิงนัก แค่รู้สึกว่า ผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถไปไหนได้ล่ะ?

หยวนชิงหลิงก้าวไปข้างหน้า อาซี่รีบพูดขึ้นทันทีว่า: "พี่หยวน ก้าวไปข้างหน้าอีกไม่ได้แล้วนะ มันอันตราย"

หยวนชิงหลิงหันกลับมายิ้มให้นาง "ไม่เป็นไร ลมนี้กำลังดีเลย ข้าอยากรับลมหน่อย"

“ถ้าแม่นมสี่อยู่ที่นี่นางต้องว่าท่านอีกแน่ ๆ นี่เพิ่งจะออกไฟได้เดือนเดียวเอง ยังโดนลมไม่ได้นะ” อาซี่เอ่ยห้าม

“ไม่เป็นไรหรอก อากาศอบอุ่นขึ้นแล้วล่ะ” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น

อาซี่ยิ้ม “ก็ไม่นับว่าอบอุ่นนัก เมื่อวานไต้เท้าทังยังส่งเครื่องนอนไปที่คุกอยู่เลย พ่อของท่านบอกว่าในคุกอากาศหนาว”

เพราะฝ่าบาทยังรับสั่งให้สืบสวนอยู่ แม้ว่าทางเจ้าพระยาจิ้ง จะใช้วาทศิลป์พูดจาให้เรื่องมันฟังดูดีแค่ไหน แต่จะหลอกล่อให้พระองค์สับสนได้หรือ ? ดังนั้น ฝ่าบาทจึงมีรับสั่งให้คุมขังเขาไว้ในคุกของที่ทำการปกครองในกรมการพระนครก่อน

แต่หยู่เหวินเห้าพูดว่าฝ่าบาทคงจะไม่ตรวจสอบเข้าไปลึกกว่านี้ ในกระบวนการสอบสวน เป็นเพราะที่ปรึกษาหุ้ยยืนกรานแล้วว่าเป็นความตั้งใจของเขาเอง อีกทั้งยังเรียบเรียงคำสารภาพบางอย่างออกมาในทำนองว่า เป็นเพราะเขามีความขุ่นข้องหมองใจกับหยู่เหวินเห้าเป็นการส่วนตัว จึงคิดอยากแก้แค้นหยู่เหวินเห้า โดยอ้างชื่อของอ๋องอานติดต่อไปยังเจ้าพระยาจิ้ง แล้วสัญญาว่าจะช่วยเรื่องตำแหน่งขุนนาง โดยให้เจ้าพระยาจิ้งอุ้มตัวข้าวเหนียวน้อยออกมา

เพราะอะไรฝ่าบาทจึงรับสั่งให้ขังเจ้าพระยาจิ้ง นี่ก็เดาได้ว่าเป็นการสอนบทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ

จะพระเนตรมืดบอดง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน? ที่ไม่มีราชโองการให้ทำการสอบสวนอย่างละเอียด ก็เพราะอ๋องอานได้ถูกสั่งย้ายไปที่ กองทัพทางใต้แล้ว ส่วนเจ้าพระยาจิ้งก็เป็นตระกูลเดิมของพระชายารัชทายาท เรื่องสกปรกทั้งหลายของเจ้าพระยาจิ้งมีลอยมาเข้าพระกรรณของฝ่าบาทน้อยเสียเมื่อไหร่? นี่ก็นับว่าเป็นการไว้หน้าหยวนชิงหลิงด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องที่นางเพิ่งจะได้กลายเป็นพระชายารัชทายาท ตระกูลเดิมของนางก็เกิดเรื่องขึ้น

จึงพูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า "เกิดมาเป็นคุณชาย

เขากำลังบ่นเรื่องอาหารการกินในคุกไม่ดี บ่นเรื่องความมืดและอับชื้น กลายเป็นว่าไม่มีอะไรดี ๆ ให้พูดถึงเลยเอาแต่ขอร้องอ้อนวอนให้ไต้เท้าทังช่วยเขาออกไปเร็ว

"ปล่อยให้เขาได้บทเรียนบ้างเถอะ หลังจากที่เขาออกมา ก็รีบส่งเขาออกไปทันที เขาไม่อาจอยู่ในเมืองหลวงได้อีกต่อไป ครั้งนี้ยังพอค้นพบมโนธรรมในใจ แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่มีครั้งหน้า ยิ่งเป็นคนบ้านเดียวกัน

"นั่นสินะ" อาซี่เห็นด้วย

หยู่เหวินเห้าก็ขึ้นมาด้วยเช่นกัน เขากอดหยวนชิงหลิงจากด้านหลัง สวมเสื้อคลุมกันลมให้นางจนมิดชิด "ดูสิ มือของเจ้าเย็นเฉียบไปหมดแล้ว

ๆ ไม่ไหว พวกเขารู้สถานะของข้า เลยมาดูแลรับใช้แบบขยันขันแข็งมาก

หยู่เหวินเห้ายิ้มแล้วพูดว่า: "แค่นี่ก็อึดอัดใจแล้วรึ ? แล้วเกียรติยศบารมีที่จะมาในวันหน้า เจ้าจะทำอย่างไรล่ะ?"

หยวนชิงหลิงยิ้มพลางพูดว่า: "สถานะสูงส่งไปก็ไม่ดี ไม่อาจใช้ชีวิตที่สงบสุขเหมือนคนธรรมดาทั่วไปได้"

? เจ้าช่างเป็นคนที่แปลกยิ่งนัก” หยูเหวินห่าวโอบตัวนางให้หันกลับมา มองหน้านางพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “หน้าถูกลมพัดจนขาวซีดไปหมดแล้ว อย่ายืนตรงนี้เลย ไปที่ร้านน้ำชาเถอะ

หยวนชิงหลิงกลั้นหัวเราะไม่อยู่ "ทำไมเจ้าถึงพูดเหมือนกับอาซี่เลยล่ะ ? วางใจเถอะ แม่นมสี่รู้ว่าข้าเอาแต่ใจแค่ไหน

“ช่างเป็นแม่ที่ให้ท้ายลูกเสียจริงนะ” หยู่เหวินเห้าพูดอย่างหดหู่

เมื่อเข้าใจว่าแม่ที่เขาพูดถึงคือแม่นมสี่ จึงยิ้มแล้วพูดว่า "หึงแล้วรึ? ทนเห็นแม่นมสี่ทำดีกับข้าไม่ได้ล่ะสิ?"

“ทนได้สิ ทนได้ นางดีต่อเจ้า ข้าไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองมีความสุขขนาดไหน” หยู่เหวินเห้าพูดไปพลาง ก็จ้องหน้าของนางไปพลาง “แม่นมสี่ห่วงใยเจ้าเหมือนแม่จริง

“ใช่แล้ว” หยวนชิงหลิงหลบสายตาเขาทันที ในใจรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร

ในเมื่อมีคนที่เหมือนแม่อยู่เคียงข้างเช่นนี้แล้ว ก็จงอย่าคิดถึงคำนึงหาแม่ของตัวเองอีก

แต่นี่มันไม่เหมือนกันนะ

“มาแล้วใช่หรือไม่?” จู่ ๆ อาซี่ก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผลคือพวกเขาเห็นกองทัพม้า และขบวนรถม้าค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนถนนสายหลัก ขบวนม้าด้านหน้าดูเหมือนจะมีคนขี่ม้าอยู่แปดคน มีรถม้าสองคันลากตามมาอยู่ข้างหลัง ประดับธงสัญลักษณ์ของแคว้นต้าโจว

“มาแล้วจริง ๆ ด้วย!” หยูเหวินเห้าร้องตะโกนด้วยความยินดี

แล้ววิ่ง "ตึง ๆ ๆ " ลงไปอย่างรวดเร็ว พูดกับคนจากกรมพิธีการว่า: "มาแล้ว ๆ รีบเตรียมพรมแดง

ๆ ก็เกิดอาการหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมาทันที "นั่นเขาตัวจริงหรือนี่? ทำไมข้ารู้สึกว่าเหมือนเขาเป็นตัวตลกเข้าไปทุกที ๆ

“อะไรคือตัวตลก?” อาซี่ถาม

หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วพูดว่า " ตัวตลกคือคนที่ชอบทำอะไรที่เด๋อด๋าน่ารัก แต่ก็ซื่อบื้อโง่เขลาบ้างเป็นบางครั้งน่ะ"

ก็รู้สึกว่ามันขัดภาพลักษณ์มาก ตอนที่เดินลงไปกับนางจึงพูดว่า "ข้าไม่เคยเห็นเขาทำตัวคลุมเครือ หรือโง่เขลาเวลาทำธุระสำคัญเลย

ก็ได้เห็นรัชทายาทผู้เฉลียวฉลาดตามคำชมจากปากอาซี่ กำลังควบม้าตะบึงออกไปต้อนรับเขา เสียงกีบม้าวิ่งดังกุบกับ ๆ นั้นทำเอาฝุ่นลอยตลบเต็มท้องฟ้า เรียกว่าเขากับม้า

ชั่วขณะที่ผู้มาเยือนกำลังมาถึง เขาก็ถลาลงจากหลังม้า แล้ววิ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว

หยวนชิงหลิงยกมือขึ้นมาปิดหน้า สวรรค์! เจ้าห้า! นี่เจ้าช่วยรักษาภาพลักษณ์หน่อยได้หรือไม่?

ก็ได้เห็นคนที่มีกริยาไม่สำรวมพอ ๆ กันคนหนึ่ง กระโดดลงจากหลังม้า

ชั่วเวลานั้น หยวนชิงหลิงคิดว่าพวกเขาอาจจะวิ่งเข้าไปกอดกันก็เป็นได้

โชคยังดีที่พวกเขาไม่ได้กอดกัน พวกเขาแค่ตบไหล่กันและกัน แล้วส่งสายตาทักทายกันเท่านั้น

บัลลังก์หมอยาเซียน นวนิยาย บทที่ 510 เพื่อนรักตลอดชีวิต ออนไลน์ฟรี

ที่ผู้แต่ง ลิ่วเยว่'s บทที่ 510 เพื่อนรักตลอดชีวิต บัลลังก์หมอยาเซียน , รายละเอียดของเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง ความรักของนักแสดงนำชายและหญิงอยู่ในจุดบอด ไม่ใช่แค่ความรักที่บริสุทธิ์ แต่ผู้เขียน ลิ่วเยว่ ก็ต้องการถ่ายทอดปัญหาเพิ่มเติมเช่นกัน เป็นไปได้ไหมว่าใน บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 510 เพื่อนรักตลอดชีวิต ความรักของนักแสดงนำชายและหญิงสามารถมารวมกันได้? ครอบครัวพระเอกจะรับไหม? ติดตาม บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 510 เพื่อนรักตลอดชีวิต ที่ th.readeraz.com

บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 510 เพื่อนรักตลอดชีวิต

บัลลังก์หมอยาเซียน นวนิยาย บทที่ 510 เพื่อนรักตลอดชีวิต