บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 559 เข้าวังกินข้าวเป็นเพื่อน

sprite

เรื่องของพระมาตุลาตี๋กับตี๋เว่ยหมิง หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงปรึกษากันแล้ว ตอนนี้องครักษ์ลับผีไม่มีคนคอยประสานภายใน พวกเขาสามารถวางใจลงได้ครึ่งหนึ่งแล้ว

นอกจากเรื่องนี้ น้อยมากที่หยู่เหวินเห้าจะพูดถึงเรื่องในราชสำนักให้หยวนชิงหลิงฟัง หนึ่งคือหยวนชิงหลิงเองไม่อยากจะรับรู้เรื่องราวตึงเครียดมากมายนัก สองคือ ใจของหยวนชิงหลิงเฝ้าครุ่นคิดแต่เรื่องเขาโรคเรื้อนกับการเปิดโรงเรียน สาม เป็นการปกป้องนางด้วย สตรีไม่ยุ่งเรื่องการเมือง ถ้าหากเรื่องที่ยายหยวนถามเรื่องในราชสำนักถูกอ๋องอันได้ยินเข้า คงต้องทูลฟ้องแน่ แม้ว่าจะฟ้องแล้วไร้ประโยชน์ และไม่ควรมาเสียเวลาด้วย

กำหนดวันเดินทางเรียบร้อยแล้ว ยังต้องรายงานกับฮ่องเต้หมิงหยวนว่าวันไหว้พระจันทร์ไม่สามารถอยู่ร่วมงานเทศกาลได้ หลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินแล้ว ก็เอ่ยเสียงเรียบเฉยว่า “พวกเจ้าอยากจะไปไหนก็ไป ใครยังจะหวังว่าพวกเจ้าจะมาหรือไม่มา เด็กๆมากันก็พอ”

หยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดที่แสนจะไม่แยแสเช่นนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดจริงๆ “เสด็จพ่อทรงเห็นหลานสำคัญกว่าลูก”

ฮ่องเต้หมิงหยวนดุทันที “ไสหัวไป”

รัชทายาทที่อยากจะออดอ้อนมองสีหน้าของเสด็จพ่อที่ดูระอาใจนัก รอยยิ้มมีเมตตาอ่อนโยนที่เคยเห็นตอนนี้มีให้แค่ตอนที่มองเจ้าตัวเล็กสามคนเท่านั้น ตัวเองช่างไม่มีน้ำยาทำให้คนชื่นชอบได้เลย ได้แต่หางจุกตูดไสหัวออกไป

แต่ว่า ตามหลักธรรมเนียมแล้ว เพราะเขาไม่อยู่ร่วมงานเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ในวัง จำเป็นต้องพาครอบครัวเข้าวังก่อนล่วงหน้าเพื่อฉลองวันไหว้พระจันทร์กับเสียนเฟยก่อน นี่ไม่ใช่กฎกติกาที่ตายตัว แต่ว่าเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน  คนที่ต้องออกจากเมืองหลวงไปทำงานในช่วงเทศกาลวันสำคัญ ก็ต้องเข้าวังล่วงหน้าเช่นกัน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นวันเกิดเขาอีกด้วย ต้องขอบคุณเสียนเฟยในบุญคุณที่เลี้ยงดูมาคำว่ากตัญญู เป่ยถังยังคงมองว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ว่าตอนนี้เสียนเฟยจะถูกกักบริเวณหรืออื่นใดก็ตาม สรุปแล้ว รัชทายาทองค์ปัจจุบันยิ่งต้องเป็นตัวอย่างให้กับประชาชน ด้วยเหตุนี้ ก่อนออกจากเมืองหลวงหนึ่งวัน พาเหล่าของว่างไปกินข้าวพร้อมหน้ากับเสียนเฟย

แค่สองเดือนก็หนักขึ้นมาก ข้าวเหนียวผอมกว่านิดหน่อย แต่ดูแล้วก็แข็งแรงขึ้นมาก หน้าตาค่อยๆเปลี่ยนไป เป็นร่างที่รวมหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าเอาไว้ด้วยกัน ดวงตาเหมือนหยวนชิงหลิง

แต่ว่า ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ยอมรับในจุดนี้ เขาคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นใบหูหรือว่าสันจมูกหรือว่าริมฝีปาก ล้วนเหมือนเสด็จปู่

เป็นถึงฮ่องเต้ ไม่ยอมรับการโต้เถียงใดๆ

ฮ่องเต้หมิงหยวนก็เข้าร่วมงานฉลองในบ้านครั้งนี้ด้วย

ไม่ใช่เป็นการให้เกียรติเสียนเฟย แต่มองในส่วนของเหล่าของว่างทั้งสิ้น

ไหนเลยจะรู้ว่า นางเพิ่งจะเข้าใกล้ เหล่าของว่างก็เริ่มร้องไห้เสียงดังขึ้นมา เป็นการร้องไห้เสียงดังจริงๆ โดยไม่มีการต้นสายปลายเหตุ

ฮ่องเต้หมิงหยวนสีหน้าเย็นชา “ไปไกลๆหน่อย อย่าเข้ามา

เสียนเฟยได้แต่ถอยออกมาอย่างลำบากใจ

ตอนที่งานเลี้ยงตอนค่ำเริ่มขึ้น ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้เข้ามานั่งเพื่อร่วมกินข้าวด้วยกัน เขาบอกว่าจะมาร่วมงานเลี้ยงครอบครัว แต่กลับให้ดื่มน้ำแกงไปเพียงเล็กน้อย ไม่กินกับข้าวเลยแม้แต่คำเดียว เขากินเสร็จแล้วค่อยมา อีกทั้ง เขายังคงยืนหยัด ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย เขาจะไม่กินข้าวร่วมโต๊ะกับคนอื่นไม่ว่าใครอย่างเด็ดขาด ดูก็รู้ว่าคงมีประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน แต่ก็ไม่มีใครถาม คุ้นชินกันแล้ว

เพราะว่ามีฮ่องเต้หมิงหยวนอยู่ด้วย ตลอดการกินข้าวมื้อนี้เห็นได้ชัดว่าเสียนเฟยค่อนข้างสำรวม ทุกคนในครอบครัวกินข้าวกันอย่างมีความสุข ความสัมพันธ์ของแม่สามีและลูกสะใภ้ก็ค่อนข้างเข้ากันได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

ฮ่องเต้หมิงหยวนในขณะที่พวกเขากำลังกินข้าว ก็คอยหยอกล้อเหล่าของว่างอยู่ข้างๆ เอาช้อนเล็กๆคอยป้อนน้ำแกงใสให้กับพวกเขา เหล่าของว่างที่เอาแต่กินนมไม่เคยได้ลิ้มรสอาหารของผู้คน แสดงอาการตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง อ้าปากกว้างรออาหารป้อนเข้าปาก ลิ้นสีชมพูเอาแต่ดูดเลียไปบนช้อนเล็ก

ฮ่องเต้หมิงหยวนมองจนเหมือนคนโง่ ถอนหายใจอย่างแรงว่า “สิ่งที่ดีที่สุดใต้หล้านี้ คงหนีไม่พ้นเจ้าตัวเล็กเหล่านี้ ไม่ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ ก็สามารถทำให้คนดีใจได้อย่างไร้สาเหตุ อยู่กับพวกเขาเช่นนี้ทั้งวัน ไหนเลยจะมีเรื่องให้ปวดหัว”

หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “เสด็จพ่อ ไม่ช้าฮู่เฟยก็จะให้กำเนิดพระโอรสหรือไม่ก็พระธิดาให้กับพระองค์แล้ว ถึงตอนนั้น พระองค์สามารถหยอกเย้าเด็กน้อยได้ทั้งวัน”

วันนี้ทุกคนต่างสร้างภาพให้ดูสงบสุข ร่วมแรงร่วมใจกันวาดภาพครอบครัวสุขสันต์อย่างประณีต สีสันเรียบง่ายสง่างามทว่าเต็มไปด้วยความอบอุ่นมีความสุข

แต่พอคำพูดนี้ของหยวนชิงหลิงที่พูดออกไป ทำให้ภาพอันสวยงามนี้ฉีกเป็นรอยร้าวเส้นหนึ่ง

“กินข้าวของเจ้าไปเถอะ ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้ มีปากไว้ไม่ใช่ให้เจ้าพูดจาเรื่อยเปื่อย รู้จักมารยาทหรือไม่

หยวนชิงหลิงอึ้งไป เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าบางทีเสียนเฟยอาจจะไม่ชอบเรื่องนี้ จึงเอ่ยขึ้นว่า “ขอโทษด้วย พูดผิดไปแล้ว”

หยู่เหวินเห้าดื่มเหล้าไปสองแก้ว ทนดูหยวนชิงหลิงถูกรังแกไม่ได้ จึงเอ่ยเสียงเรียบๆว่า “เสด็จแม่ คำพูดที่ท่านไม่ชอบฟังก็อย่าให้นางพูด ทำไมต้องด่านางรุนแรงเช่นนี้ด้วย”

หยู่เหวินเห้าไม่พูดจา ภาพวาดนั้นยังคงสามารถซ่อมแซมได้ แต่ว่าการที่หยู่เหวินเห้าช่วยหยวนชิงหลิง รอยฉีกของภาพวาดผืนนั้นแน่นอนว่าต้องถึงขั้นถูกฉีกกระจายไม่มีชิ้นดี

วางตะเกียบไว้บนโต๊ะอย่างแรง โมโหจนตัวสั่นไปหมด “ลูกอกตัญญู ตอนนี้แม้แต่จะว่าสะใภ้ของเจ้าสักคำก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ ในสายตาของเจ้า ยังมีข้าเป็นแม่อยู่หรือไม่ ที่แท้ก็แต่งภรรยาแล้วลืมแม่

เงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วมุ่น “เสด็จแม่ ข้าไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาหรือ คืนนี้ทุกคนต่างก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ยายหยวนก็ไม่ได้จงใจทำให้ท่านไม่พอใจ

อ่านนวนิยายออนไลน์ บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 559 เข้าวังกินข้าวเป็นเพื่อน

นวนิยายชุด บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 559 เข้าวังกินข้าวเป็นเพื่อน เป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของผู้เขียน ลิ่วเยว่ ที่ บทที่ 559 เข้าวังกินข้าวเป็นเพื่อน บัลลังก์หมอยาเซียน ตัวเอกชายและหญิงได้แก้ปัญหาให้กันและกัน ความรักของนางเอกช่างสูงส่งเสียเหลือเกิน ที่ บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 559 เข้าวังกินข้าวเป็นเพื่อน ในที่สุด นางเอกก็ตระหนักถึงความรู้สึกของเขา ความรักของพวกเขาจะชนะทุกสิ่งหรือไม่? ติดตาม บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 559 เข้าวังกินข้าวเป็นเพื่อน ที่ th.readeraz.com ได้แล้ววันนี้

บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 559 เข้าวังกินข้าวเป็นเพื่อน

นวนิยาย บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 559 เข้าวังกินข้าวเป็นเพื่อน