บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 614 หลู่เฟยไม่ยินยอม

แล้วนางก็เข้าวังไปขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้
อะซี่พูดขึ้นว่า “พี่หยวน เวลาแบบนี้ท่านเข้าวังไปขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้จะต้องด่าท่านแน่”
หยวนชิงหลิงตบใบหน้าของตนเอง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ข้าหน้าหนา ด่าก็ไม่เถียง ด่ายังไงก็ได้”
ในเวลาแบบนี้ไปขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ นางรู้ดีว่าจะต้องถูกด่า แต่จะทำอย่างไรได้ หรงเยว่ให้ค่าแม่สื่อมาเยอะมาก อีกอย่าง หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ต่อไปคนของหรงเยว่ทั้งหมด นางก็สามารถใช้ได้ อย่างน้อยก็สามารถหาอาจารย์หมอให้กับนางได้หลายคน
เรื่องการสอนลูกศิษย์พวกนี้ จะต้องยินยอมทั้งสองฝ่าย จะให้เจ้าห้าใช้อำนาจบีบบังคับไม่ได้ ยังไงต่อไปนักเรียนก็จะต้องออกไปรักษาคน หากตั้งใจสอนผิด นั่นคือการทำร้ายชีวิต
และเมื่อเข้ามาถึงในวัง ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ก่นด่าทันที บอกว่านางไม่เห็นแก่สถานะไม่เห็นแก่ความอันตรายขึ้นไปยังบนเขาโรคเรื้อน
หยวนชิงหลิงยอมรับผิดด้วยท่าทีดีงาม พูดอยู่ประโยคเดียวว่าลูกสะใภ้สำนึกผิดแล้ว สะใภ้ไม่กล้าทำอีกแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงไม่รู้จะด่ายังไงต่อ
อีกอย่าง การที่ตี๋เว่ยหมิงเดือดร้อนในครั้งนี้ กลับเป็นการทำให้ตนเองเดือดร้อนไปด้วย โทษฐานละเลยหน้าที่กับใส่ร้ายป้ายสีพระชายารัชทายาท ทำให้เขาถูกปลดจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ ตอนนี้ยังคงเป็นแม่ทัพ แต่ไม่มีคำว่าใหญ่แล้ว ห่างกันราวฟ้ากับดิน
และหากโทษฐานจับตัวพระชายารัชทายาทเป็นที่ประจักษ์ ปลดให้เขากลายเป็นคนธรรมดา แล้วก็จับขังติดคุกหลายปีก็สามารถทำได้
การกระทำนี้ ก็ถือเป็นการกระทำตามความหมายของฮ่องเต้หมิงหยวน เพราะต้องการที่จะลดอำนาจเจ้าสี่ ก็จะต้องหักฟันตระกูลตี๋ก่อน
ฮ่องเต้หมิงหยวนยังคงมีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ ไม่ตื่นตระหนกไปกับความสุขของวัยกลางคน ความคิดของอ๋องอาน เขารู้ดีอย่างที่สุด
หลังจากตั้งแต่เจ้าห้าถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาท เด็กคนนี้ดูเหมือนมีความกตัญญูมากกว่าเมื่อก่อน ครั้งก่อนตอนที่เข้าวังมา ก่อนกลับยังหันกลับมาพูดขึ้นว่า ให้เขารักษาสุขภาพด้วย ทำให้ฮ่องเต้หมิงหยวนซาบซึ้งใจอย่างมาก
หลังจากด่าหยวนชิงหลิงเสร็จแล้ว เขาค่อยดื่มชาหนึ่งคำพร้อมพูดขึ้นว่า “มีเรื่องอะไร?”
หยวนชิงหลิงค่อยเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นดวงตาที่ไร้เดียงสาและสดใส พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อ ลูกสะใภ้อยากเป็นแม่สื่อให้กับเจ้าหก”
เรื่องแต่งงานของเจ้าหกยังไงก็ยังเป็นเรื่องใหญ่ในใจเขามาตลอด แต่ก็รู้ว่าเจ้าหกเคยติดโรคแบบนั้น ตระกูลดีมากมายไม่ยินดีแล้ว แต่ยังไงเจ้าหกก็เป็นเชื้อพระวงศ์ จะลดระดับคุณสมบัติไปเรื่อยไม่ได้
“หญิงสาวตระกูลไหนหรือ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนถามขึ้น
หยวนชิงหลิงไม่พูดถึงชาติกำเนิดของหรงเยว่อยู่แล้ว เพียงถามขึ้นว่า “เสด็จพ่อยังจำท่านชายสี่เหลิ่งที่บริจาคเงินสองล้านตำลึงให้กับสถานฝูโย่วไหม?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนคิดถึงคนโง่เป็นอันดับหนึ่งขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “จำได้แน่นอน”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นน้องสาวบุญธรรมของเขา ปีนี้อายุสิบเก้า น่าตาดี นิสัยดี”
พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่จะได้อย่างไร? เป็นเชื้อสายพ่อค้าคู่ควรกับเจ้าหกหรือ? ไม่ได้ ไม่ได้”(**ในสมัยโบราณจีน พ่อค้าอยู่ฐานะต่ำที่สุด ผู้ดี
ยังไงก็เป็นถึงลูกชายของเขา รัชทายาทบัญชา ต่อให้ด้อยแค่ไหน ก็ไม่ถึงกับต้องแต่งงานกับลูกสาวนักค้าขาย
จึงพูดหว่านล้อมว่า “เสด็จพ่อ ถึงตระกูลเหลิ่งจะเป็นนักค้าขาย แต่ก็ไม่ใช่นักค้าขายธรรมดา เป็นนักค้าขายอันดับหนึ่งของแคว้นต้าโจว แต่งงานเป็นดองกับตระกูลเหลิ่ง นอกจากสถานะที่ไม่คู่ควรกันแล้ว อย่างอื่นล้วนเหมาะสม”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นอย่างดูถูกว่า “แล้วยังไง? ในเมื่อสถานะไม่คู่ควรก็คือไม่เหมาะสม นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อีกอย่าง เป็นแค่น้องบุญธรรม ไม่ใช่น้องแท้ๆ ต่อให้เขาเป็นนักค้าขายอันดับหนึ่งของโลกก็ไม่มีประโยชน์
หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “สินสอดติดตัวแค่นี้ไม่พอ เงินห้าล้านตำลึงเอง”
“สินสอดติดตัวเงินห้าล้านตำลึง?” คางฮ่องเต้หมิงหยวนแทบหลุดออกมา
หยวนชิงหลิงพูดต่อว่า “แน่นอน เชื้อพระวงศ์แต่งงาน สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เงิน บุคลิกภาพและรูปลักษณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่สำคัญที่สุดก็คือท่านชายสี่ใจดีมีเมตตา จะต้องเต็มใจช่วยเหลือราชสำนักในการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแน่”
ราชวงศ์หมิงมีพ่อค้าคนหนึ่งชื่อเสิ่นว่างซาน ตอนนั้นฮ่องเต้จูหยวนจางจะสร้างเมืองหลวงนานกิง เสิ่นว่างซานมีส่วนช่วยสนันสนุนหนึ่งในสาม สร้างรากฐานที่มั่นคง ยื่นหมูยื่นแมวกันระหว่างจูหยวนจาง สร้างมาตรการการดำรงชีพ แน่นอนต่อมาเสิ่นว่างซานก็ได้ดีแล้วลืมตัว
เพราะเคยมีการที่ราชสำนักกับพ่อค้าทำความร่วมมือกัน ดังนั้นหยวนชิงหลิงจึงไม่ได้พูดถึง เรื่องที่จะร่วมทำธุรกิจกับท่านชายสี่ แต่ในใจหยวนชิงหลิงเข้าใจความสำคัญของการดำเนินกิจการของรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะในขณะที่ราชสำนักจนขนาดนั้น ควรบริหารประเทศตามสถานการณ์ความเป็นจริง
เรื่องพวกนี้นาไม่ควรพูดและก็ไม่ควรถาม เพื่อไม่ให้เป็นที่ต้องสงสัยว่าเข้าไปพัวพันกับการเมือง
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ตกตะลึงกับสินสอดติดตัวจำนวนห้าล้านตำลึงของหรงเยว่นั่นแล้ว ในใจบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร องค์หญิงเชื้อพระวงศ์แต่งงานยังไม่มีเงินสินสอดขนาดนี้ เห็นทีช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในเป่ยถังมีความรุนแรงมาก หากไม่รวยจนล้นฟ้า
เขาก็คือฮ่องเต้ขอทาน
เขาจะรับปากทันทีเลยไม่ได้ เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ต้องถามหลู่เฟยก่อน ค่อยว่ากัน”
หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้แล้ว ในใจค่อยโล่งอก เรื่องนี้มีความหวังแล้วเจ็ดแปดเปอร์เซ็นต์
ฮ่องเต้หมิงหยวนถามเรื่องสถานการณ์บนเขาโรคเรื้อน หยวนชิงหลิงตอบตามความจริงว่า “ตอนนี้สถานการณ์สามารถควบคุมไว้ได้แล้ว แต่จะรักษาให้หาย จะต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย”
“รักษาให้หาย? สามารถรักษาให้หายได้หรือ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนถามขึ้น
“ได้เพคะ” หยวนชิงหลิงไม่พูดมาก และก็ไม่พูดรับประกันอะไร เพียงพูดขึ้นอย่างง่ายๆ
ฮ่องเต้หมิงหยวนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หากหายได้จริง ถือว่ามีความโชคดีของเป่ยถัง
ยังไงก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ เขาคิดดูดีๆแล้ว ก็พูดขึ้นว่า “เจ้าไม่ต้องขึ้นไปอีกดีกว่า จะได้ไม่เกิดปัญหา ทำให้เจ้าห้าเดือดร้อน”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าจะต้องใช้ความจริงเป็นเครื่องพิสูจน์ ตอนนี้พูดอะไรไปมากก็ไม่มีประโยชน์ เสด็จพ่อมีเรื่องที่ต้องเป็นกังวล และเรื่องที่เป็นกังวลก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง จึงพูดขึ้นว่า “ลูกสะใภ้รับทราบเพคะ”
อ่านนวนิยายออนไลน์ บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 614 หลู่เฟยไม่ยินยอม
นวนิยายชุด บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 614 หลู่เฟยไม่ยินยอม เป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของผู้เขียน ลิ่วเยว่ ที่ บทที่ 614 หลู่เฟยไม่ยินยอม บัลลังก์หมอยาเซียน ตัวเอกชายและหญิงได้แก้ปัญหาให้กันและกัน ความรักของนางเอกช่างสูงส่งเสียเหลือเกิน ที่ บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 614 หลู่เฟยไม่ยินยอม ในที่สุด นางเอกก็ตระหนักถึงความรู้สึกของเขา ความรักของพวกเขาจะชนะทุกสิ่งหรือไม่? ติดตาม บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 614 หลู่เฟยไม่ยินยอม ที่ th.readeraz.com ได้แล้ววันนี้
บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 614 หลู่เฟยไม่ยินยอม
นวนิยาย บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 614 หลู่เฟยไม่ยินยอม