บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 673 ชีวิตตกอยู่ในอันตราย

ใต้เท้าฝูยึดเอาคำพูดของเขาเป็นเบาะแส “ท่านเจ้าพระยา ในเมื่อท่านพูดเช่นนี้ ก็หมายความว่าท่านเข้าไปในศาลาจริง ๆ”
เมื่อครู่นี้ เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเพิ่งได้ยินตอนที่อยู่ข้างนอกว่า พระชายาอานถูกลอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ แต่เขาไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร แค่ได้ยินเรื่องนี้เพียงชั่วครู่เท่านั้น เขาเป็นห่วงลูกสาวของเขา ดังนั้นจึงถือว่าแค่ได้ยินแล้วก็แล้วกันไป ไหนเลยจะคิดว่ามันจะมาเกี่ยวข้องกับตัวเองเช่นนี้ จึงรีบแก้ตัวเป็นพัลวันว่า "ข้าไม่ได้เข้าไป ข้าอยากขึ้นไปนั่งเล่นในศาลาสักหน่อย แต่ตอนที่ม่านไม้ไผ่มันปลิวขึ้นเพราะโดนลมพัด ก็เห็นกระโปรงสีอ่อนกับรองเท้าผ้าปักคู่หนึ่งข้างใน ข้าคิดว่าคงจะเป็นนายหญิงสักคนในวัง ไหนเลยจะกล้าเข้าไป แค่หันหลังแล้วก็เดินออกมา"
แต่ใต้เท้าฝูก็ทำสัญญาณมือเชื้อเชิญ พูดแบบไม่ให้ปฏิเสธว่า "อย่างไรก็ขอเชิญท่านเจ้าพระยาไปที่กรมวังกับข้าน้อยด้วย ค่อยบอกสิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งก่อนและหลังที่ท่านมีเรื่องทะเลาะบาดหมางกับอ๋องอาน รวมถึงเรื่องที่ไปอุทยานหลวงให้ข้าน้อยฟังอีกครั้ง เพื่อที่ข้าน้อยจะได้มีคำตอบไปทูลฝ่าบาทได้”
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยจ้องมองอย่างโกรธเคือง: "แม้ว่าข้าจะเคยมีเรื่องทะเลาะกับอ๋องอานมาก่อน แต่ข้าไม่มีทางเอาความโกรธไปลงกับคนอื่น ข้าไม่ไปที่กรมวังเด็ดขาด ข้าต้องการพบฝ่าบาท"
ใต้เท้าฝูพูดอย่างแข็งทื่อเย็นชาว่า: "ตอนนี้ฝ่าบาทประทับอยู่ที่สวนว่าง ข้าน้อยได้ไปทูลรายงานต่อฝ่าบาทแล้ว ถึงค่อยมาเชิญท่านเจ้าพระยา หากท่านเจ้าพระยาอยากไปอับอายขายหน้าผู้คนในสวนว่าง ข้าน้อยก็สามารถตามท่านไปที่สวนว่างได้ "
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ "ข้าไม่เคยทำเรื่องแบบนั้น ทำไมจะต้องกลัวเสียหน้า นี่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีรึ? ข้ารู้จักเจ้าดี เจ้าเป็นพวกสมรู้ร่วมคิดกับอ๋องอาน อ๋องอานทั้งทะเยอทะยานทั้งมักใหญ่ใฝ่สูง เจ้ามันก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก”
พูดจบ ก็สะบัดมือเตรียมจะเดินจากไป
มีหรือที่ใต้เท้าฝูจะยอมปล่อยให้เขาไป? จึงยกมือขึ้น สั่งให้กองทหารรักษาพระองค์ไปหยุดไว้ พูดอย่างมืดมนและเย็นชาว่า “ท่านเจ้าพระยา ที่นี่คือภายในวัง สิ่งที่ข้าน้อยยึดถือคือรับสั่งของฝ่าบาทที่ถือเป็นเด็ดขาด หากท่านไม่ให้ความร่วมมือ เท่ากับขัดราชโองการ โปรดคิดทบทวนให้ดี"
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเย่อหยิ่งจองหองจนเคยชิน มีหรือจะยอมทนต่อตำพูดมืดมนเย็นชาไม่เห็นหัวของใต้เท้าฝูได้ ?
เขากำหมัดแล้วเหวี่ยงออกไป ต่อยเข้าใส่หน้าใต้เท้าฝูไปหมัดหนึ่ง ใต้เท้าฝูไม่แม้แต่จะหลบเลี่ยง ยอมโดนหมัดนี้ต่อยเข้าไปจัง ๆ กองทหารรักษาพระองค์พลันกรูกันเข้ามาล้อมเขาไว้
แม้ว่าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยจะห้าวหาญ แต่สองมือไหนเลยจะสู้สี่ขาได้ อีกทั้งวรยุทธ์ของกองทหารรักษาพระองค์ก็ล้วนสูงมาก ทั้งไม่อาจลงมือฆ่าคนได้จริง ๆ สุดท้ายเขาก็พลาดพลั้งจนถูกจับได้
เขาถูกจับ ทั้งถูกตั้งข้อหาขัดขืนรับสั่ง เมื่อมาถึงกรมวัง ใต้เท้าฝูก็ไม่พูดอะไรให้มากความ สั่งลงทัณฑ์ตามกฎด้วยการโบยสามสิบไม้ตรง ๆ
อันที่จริงโทษฐานขัดขืนรับสั่ง มีโทษร้ายแรงถึงชีวิตได้เลยทีเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาเป็นฝ่ายลงมือกับกองทหารรักษาพระองค์ในวังก่อน ต่อให้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่มีความผิด แต่การที่ใต้เท้าฝูทำเช่นนี้ ไต้เท้าฝูก็ไม่มีความผิดอยู่ดี
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยก็โกรธจัดจนแผดเสียงดังลั่น แล้วอาละวาดก่อความวุ่นวายในกรมวังไปอีกหนึ่งยก หากไม่บังคับปราบปรามด้วยวรยุทธ์ คงถูกเขาพังออกไปเสียนานแล้ว เพียงแต่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยได้รับความอัปยศขนาดนี้ บวกกับที่ถูกลงทัณฑ์โบยไปอีกสามสิบไม้
ใต้เท้าฝูขังเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยไว้ก่อน จึงค่อยกลับไปรายงานผลการปฏิบัติภารกิจที่ตำหนักกุ้ยเฟย
ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำดุจดั่งสัตว์ร้ายที่บาดเจ็บ ยากจะซ่อนความโกรธแค้นและโหดเหี้ยมเอาไว้ได้ "โบยแค่สามสิบไม้ ก็กระอักเลือดแล้วรึ? โบยอีก! ข้าจะโบยเขาจนกว่าเนื้อหนังจะปริแตก
ใต้เท้าฝูเป็นรองผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ ตอนนี้ผู้บังคับบัญชาคือกู้ซือที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา กู้ซือกับใต้เท้าฝูไม่ค่อยลงรอยกันนัก ดังนั้น เมื่อใต้เท้าฝูได้ยินคำพูดของอ๋องอาน ก็พูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท ตอนนี้พวกเราไม่ควรหนักมือจนเกินไป ต้องรอหลังจากพิจารณาคดีอย่างเข้มงวดแล้วเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของฮู่เฟย ทั้งยังเป็นแม่ทัพที่สร้างความดีความชอบทางการทหารกลับมา กรมวังไม่อาจตั้งข้อหาในความผิดของเขาได้ เกรงว่าคงต้องโอนย้ายไปที่กรมอาญาหรือไม่ก็ ศาลต้าหลี่”
“โอนย้ายไปที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ เขากับข้ามีเรื่องทะเลาะบาดหมางกันมาก่อนหน้านี้ จึงเอาความโกรธนั้นไปลงกับพระชายา ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครไปได้ ? เจ้าแค่ดูแลการพิจารณาคดีไป หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ข้ารับผิดชอบเอง!” อ๋องอานพูดอย่างโกรธเคือง
ใต้เท้าฝูได้ยินดังนั้น ก็ประสานมือแล้วพูดว่า “ในเมื่อท่านอ๋องมีคำสั่ง ข้าน้อยก็จะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดพ่ะย่ะค่ะ!”
หลังจากที่ใต้เท้าฝูกลับไปที่กรมวัง ก็เริ่มการพิจารณาคดีทันที
ฮุ่เฟยไม่รู้เรื่องนี้ แม้กระทั่งฮ่องเต้หมิงหยวนในเวลานี้ก็ไม่รู้ พระองค์กำลังเลี้ยงฉลองอยู่กับบรรดาขุนนางที่บริเวณนอกสวนว่าง
แต่เพราะกังวลใจต่อความเป็นความตายทั้งของฮู่เฟยและพระชายาอาน จึงรีบจบงานเลี้ยงโดยเร็วแล้วกลับไปที่วังหลัง
พระองค์เสด็จไปเยี่ยมฮู่เฟยก่อน แล้วค่อยเสด็จไปที่ตำหนักกุ้ยเฟย หมอหลวงยังคงเฝ้าดูอาการอยู่ที่นั่น พระชายาอานยังคงหมดสติไม่รู้สึกตัว นางอ่อนแอมากจนราวกับว่าจะเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว
กุ้ยเฟยร้องไห้ฟูมฟาย ทั้งพร่ำรำพันว่าชีวิตของพระชายาอานช่างน่าสงสารน่าเวทนายิ่งนัก ลูกก็รักษาไว้ไม่ได้ ตอนนี้กระทั่งชีวิตตัวเองก็ไม่แน่ว่าจะรักษาไว้ได้แล้วด้วยซ้ำ
อ๋องอานคุกเข่าอยู่บนพื้น ดวงตาเป็นสีแดงก่ำ “เสด็จพ่อ ตอนนี้รองผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ใต้เท้าฝู ได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้แล้ว ขอท่านได้โปรดตรวจสอบและจัดการอย่างเข้มงวดด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้ลูกในครรภ์ของนางก็จากไปแล้ว กระทั่งชีวิตตัวเองก็ไม่แน่ว่าจะรักษาไว้ได้ ย่อมต้องรู้สึกเศร้าโศกเป็นธรรมดา ได้ยินดังนั้นจึงปล่อยวางความสงสัยคลางแคลงใจลง เอ่ยปากให้สัญญาว่า: "เจ้าวางใจเถอะ ข้าย่อมจะต้องลงโทษมือสังหารนั่นอย่างรุนแรงแน่นอน อยากรู้เหมือนว่ามันเป็นใครกันแน่
กุ้ยเฟยร้องไห้พลางพูดว่า: "ฝ่าบาท มีคำสัญญานี้ของท่านก็ดีเหลือเกินแล้วเพคะ หม่อมฉันเกรงว่าพระองค์จะเห็นแก่ฮู่เฟย จนไม่อาจตัดใจแตะต้องพ่อของนาง"
ฮ่องเต้หมิงหยวนตกพระทัยจนผงะไปเฮือกหนึ่ง หันไปมองอ๋องอานอย่างรวดเร็ว "อะไรนะ? เป็นเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยรึ?"
อ๋องอานรู้สึกเคืองแค้นขึ้นมาทันที “เสด็จพ่อ วันนี้เขามีเรื่องทะเลาะกับหม่อมฉันเล็กน้อย ถึงกับคิดแค้นในใจ จนไปลงมือกับพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หมิงหยวนค่อย ๆ จริงจังขึ้นมา "มีความเข้าใจอะไรผิดในเรื่องนี้หรือไม่ ? เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยไม่น่าจะเป็นคนแบบนี้ได้"
ในแววตาแฝงความโกรธกรุ่น “เสด็จพ่อ ไม่มีการเข้าใจผิดใด ๆ ทั้งสิ้น ตอนที่เกิดเรื่อง ในอุทยานหลวงมีคนหลายคนที่เห็นเขาออกมาจากศาลา พระชายาก็ถูกลอบโจมตีในศาลานั้น หลังจากที่เขาออกมาก็ไม่มีใครเข้าไปอีก จนกระทั่งสาวใช้ที่ชื่ออะฉ่ายไปพบว่าพระชายาเกิดเรื่อง ล้วนไม่มีใครเข้าไปในศาลาจันทร์เสี้ยวอีกเลย อีกทั้งพระชายาถูกฝ่ามือฟาดเข้าที่ด้านหลัง ทำให้อวัยวะภายในทั้งห้าเกิดความเสียหาย ทารกในครรภ์แท้งมีเลือดออก
พูดเสริมขึ้นว่า "ฝ่าบาทเพคะ พระชายาอานดีต่อผู้คนเช่นไร ท่านก็ทรงทราบดี แต่ไหนแต่ไรมา นางไม่เคยขัดแย้งกับใครทั้งนั้น นิสัยใจคอก็แสนอ่อนโยนมีเมตตา กระทั่งมดซักตัวก็ยังไม่กล้าเหยียบ แต่ตอนนี้กลับต้องมาถูกทำร้ายจนแท้งลูก กระทั่งชีวิตตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะรักษาไว้ได้หรือไม่ ต้องเป็นคนโหดเหี้ยมแบบไหนกัน?
อ่าน บัลลังก์หมอยาเซียน นวนิยาย บทที่ 673 ชีวิตตกอยู่ในอันตราย ออนไลน์ฟรี
ที่ บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 673 ชีวิตตกอยู่ในอันตราย เห็นความรักของ Thi No, Chi Pheo, the ผู้อ่านรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่น่ารักมากแต่ก็สัมผัสได้ถึงความเท่าเทียมกัน ที่ บทที่ 673 ชีวิตตกอยู่ในอันตราย บัลลังก์หมอยาเซียน ความรู้สึกของทั้งสองคนถูกปฏิเสธโดยคนในสังคมทั้งหมด แต่พวกเขาก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ที่สุดและปรารถนาที่จะรักมากที่สุด ติดตามเนื้อหา บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 673 ชีวิตตกอยู่ในอันตราย ที่นี่
บัลลังก์หมอยาเซียน ลิ่วเยว่ บทที่ 673 ชีวิตตกอยู่ในอันตราย
บัลลังก์หมอยาเซียน บทที่ 673 ชีวิตตกอยู่ในอันตราย