บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 128

ร่างกายของหยวนชิงหลิงตึงเครียด ดวงตาสั่นไหว อยากมองสบตาเขาแต่ก็ไม่กล้า นางเหลือบมองเขาแล้วหลบสายตาอย่างรวดเร็ว ราวกับนกน้อยที่กำลังหวาดกลัว

ริมฝีปากของเขาเลื่อนเข้ามาใกล้ พร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ ทั่วทั้งตัวของนางพลันอ่อนระทวย ทำได้เพียงหลับตาแน่น

"คืนนี้ค้างที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ดีหรือไม่" เขากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู ฝืนระงับความปรารถนาที่พลุ่งพล่านออกมาอย่างสุดความสามารถ

หยวนชิงหลิงตกใจจนผงะ สติสัมปชัญญะตื่นคืนขึ้นมาทันใด ลืมตาโพลงแล้วผลักเขาออก ยืนขึ้นอย่างประหม่าแล้วพูดว่า "ข้า...ข้าอยากกลับไปคิดเรื่องนี้ให้ดีเสียก่อน สมองข้าตอนนี้ค่อนข้างสับสนน่ะ"

พูดจบ ก็ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง รีบหมุนตัวแล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

ภายในอึดใจเดียว นางสามารถวิ่งออกไปได้ไกลมาก วิ่งจนเหนื่อยหอบแหกๆ กระทั่งไม่ไหวแล้วก็ค้อมตัวลงใช้มือท้าวหัวเข่าพักเหนื่อย สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่หัวใจกลับเต้นระทึกหนักขึ้นกว่าเดิม

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เดิมทีพวกเขาเคยอยู่กันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันมาตลอด แล้วทำไมจู่ๆ พวกเขาก็พัฒนามาเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้ล่ะ

เขาชอบนางหรือ เป็นไปไม่ได้น่า เมื่อสองวันก่อนเขายังกัดฟันกรอดๆ ร้องอยากจะฆ่านางอยู่เลย

แล้วจะชอบนางได้อย่างไร สิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผล ไม่สมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิง

เขาต้องมีแผนการร้ายอะไรบางอย่างแน่ๆ

แต่นางจะมีอะไรให้เขาคิดจะวางกับดักได้บ้างล่ะ เงินหรือ... ไม่มีน่ะ สถานะทางการเงินเขาสูงกว่านาง อำนาจบารมีหรือ...โดยพื้นฐานแล้วนางไม่มีอำนาจอะไรเลย

แล้วนางมีผลประโยชน์อะไร ที่จะทำให้เขาละโมบต่อมันได้บ้างล่ะ?

"พระชายา ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" เสียงของทังหยางดังขึ้นมาจากด้านหลัง

หยวนชิงหลิงตกใจจนผวาเฮือก ยืนตัวตรงแน่วมองมาที่เขา ได้เห็นทังหยางที่สวมเสื้อคลุมสีขาว ดูหล่อเหลางามสง่าอย่างไม่น่าเชื่อ

หยวนชิงหลิงกุมหน้าอกตัวเอง "ใต้เท้าทัง คิดจะทำให้ข้าตกใจตายหรืออย่างไรกัน"

"พระชายาโปรดอภัย" ทังหยางยกยิ้ม "แต่ดูเหมือนวันนี้ พระชายาจะขวัญอ่อนลงไปไม่น้อย เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นรึ"

หยวนชิงหลิงไหนเลยจะกล้าบอกเรื่องแบบนี้กับทังหยางได้ นางแค่ยิ้มแหยๆ "ไม่เป็นไรหรอก ข้าแค่มาเล่นที่สวนหลังจากกินมากเกินไปเท่านั้นเอง กำลังคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆ ใต้เท้าทังก็มาปรากฏตัว เลยทำให้ตกใจน่ะ"

"เป็นเช่นนี้นี่เอง ไม่ทราบว่าพระชายากำลังคิดเรื่องอะไรที่หาทางแก้ไม่ตกอยู่รึ ต้องการให้ข้าน้อยช่วยแก้ไขปัญหาที่ว่านี้ให้ท่านหรือไม่ ข้าน้อย...ไม่มีอะไรที่ไม่รู้" ทังหยางเสริมคำพูดโอ้อวดเข้าไปประโยคหนึ่ง แล้วใช้สายตาราวกับเฒ่าจันทรามองดูหยวนชิงหลิง

หยวนชิงหลิงมองเขา นึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางเต็มไปด้วยความคิดวุ่นวายยุ่งเหยิง และนางก็ไม่รู้จะบอกใครได้ แต่ทังหยางเป็นคนสนิทของหยู่เหวินเห้า มันดูไม่ค่อยเหมาะถ้าจะเล่าให้เขาฟัง จึงพูดว่า "ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะกลับไปพักผ่อนแล้ว"

ทังหยางมองดูท่าทีลุกลี้ลุกลนที่จะรีบหนีของนาง ก็อดยิ้มไม่ได้ พระชายาดูจิตใจเตลิดเปิดเปิงไม่น้อยเลยนะนี่

แต่นั่นก็ยุติธรรมดีแล้ว จะให้ท่านอ๋องจิตใจว้าวุ่นอยู่คนเดียวได้อย่างไรกันล่ะ

เมื่อครู่ที่ไปตำหนักเซี่ยวเยว่ ก็เห็นพระชายาวิ่งแน่บออกประตูมา ในขณะที่ท่านอ๋องยังยืนอยู่ข้างใน ด้วยสภาพงุนงงและสูญเสียสติรับรู้ไปแล้ว

เขาทำงานรับใช้ท่านอ๋องมานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเห็นท่านอ๋องเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย

คืนนี้หยู่เหวินเห้านอนตาค้างอยู่บนเตียง นอนไม่หลับอยู่เป็นนานสองนาน

เมื่อกลางวันที่กรมปกครอง เขาย้อนนึกถึงฉากในสวน เขาเต็มไปด้วยความเพ้อเจ้อ คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก

แต่คืนนี้ เพราะการปฏิเสธของหยวนชิงหลิง กลับทำให้เขาค่อยๆ สงบใจลงมาได้ เมื่อลองย้อนนึกถึงอารมณ์ที่ฉับพลันเกินจะควบคุมในวันนี้

มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกัน ครั้งหนึ่งเขาเคยเกลียดชังผู้หญิงคนนี้มาก กระทั่งวันร่วมหอ เขาก็ยังมีเพียงความเกลียดชังอยู่เต็มอก ก่อนจะไป หากเขาไม่กินยาปลุกแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มีอารมณ์ใดๆ ที่จะไปแตะต้องนางได้เป็นแน่

แต่ตอนนี้ ขอเพียงนางมาปรากฏตัวให้เห็นในสายตา ทั้งตัวก็จะรุ่มร้อนราวตกอยู่ในกองไฟ และความปรารถนาบางอย่างจากช่องท้องส่วนล่าง ก็จะพุ่งทะยานไปจนถึงหน้าผาก ท้ายที่สุดจะเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ต่างก็ถูกทำลายลงไปโดยสิ้นเชิง

เขาเริ่มคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ทีละเล็กทีละน้อย นับตั้งแต่การร่วมหอ จนไปที่วังแล้วช่วยรักษาไท่ซ่างหวง เขาถูกลอบสังหาร ระหว่างที่ชีวิตแขวนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ก็ได้นางที่เป็นคนช่วยเขาไว้

นางยืนกรานที่จะรักษาเขา โอ้สวรรค์...เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ แค่คิดก็ระงับอารมณ์ไม่อยู่แล้ว

เขากำหมัดแล้วทุบหนักๆ ลงไปบนเตียง

สาวใช้นามฉีลั่วยังคงอยู่ข้างนอก พอได้ยินเสียงดังจึงรีบเดินเข้าไป "ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นเพคะ"

หยู่เหวินเห้ามองดูท่าทางที่เป็นกังวลของฉีลั่ว ริมฝีปากสีแดงสดยกโค้งเล็กน้อย แววตาสับสนงุนงง เขาลุกขึ้นนั่งช้าๆ แล้วพูดว่า "ฉีลั่ว เจ้ามานี่ซิ"

ฉีลั่วก้าวไปข้างหน้าแล้วโค้งคำนับ "ท่านอ๋อง ข้าน้อยอยู่นี่แล้วเพคะ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน