บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 611

เมื่อเขาได้สติกลับมา ค่อยรู้ตัวว่าถูกโสวฝู่ฉู่เบี่ยงเบนความสนใจ ปัญหาที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเขาล่วงล้ำอำนาจหรือเปล่า แต่อยู่ที่พระชายารัชทายาทขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อน

เขารวบรวมสติ พร้อมพูดขึ้นว่า “โสวฝู่สั่งสอนได้ถูกต้อง เดี๋ยวข้าน้อยจะไปรับโทษเอง แต่พระชายารัชทายาทแอบขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อนด้วยตนเอง ควรที่จะมีคำอธิบายให้กับฮ่องเต้กับเหล่าขุนนางไหม?”

อีกทางด้านหนึ่ง หยู่เหวินเห้ากับฮ่องเต้หมิงหยวน มองตาซึ่งกันและกันจบสิ้นแล้ว และที่เขาต้องการถาม โสวฝู่ก็ได้ช่วยถามแล้ว จึงค่อยๆมีคำสั่งว่า “ในเมื่อองค์ชายรัชทายาทพูดว่าพระชายารัชทายาทอยู่ที่พระตำหนักฉินคุน มาสิ เชิญพระชายารัชทายาทมาที่ท้องพระโรงหน้า”

ตี๋เว่ยหมิงได้ยินฮ่องเต้หมิงหยวนพูดเช่นนี้ ในใจค่อยโล่งอก ดีที่ฮ่องเต้ไม่ได้ถูกชักนำไปในทางที่ผิด

หญิงสาวคนนั้นยังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าท้องพระโรง คุกเข่าจนค่อนข้างเอนเอียง ท่าทีเหมือนกำลังจะเป็นลม เหลิ่งจิ้งเหยียนเห็นเข้า ก็พูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ สีหน้าของนางดูไม่ค่อยดี ท่านยกเว้นไม่ต้องให้นางคุกเข่าแล้วเถอะ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูนางแว๊บหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ลุกขึ้นมาเถอะ”

เหลิ่งจิ้งเหยียน ถามขึ้นประโยคหนึ่งว่า “ร่างกายเจ้าไม่สบายหรือเปล่า?”

หลังจากหญิงสาวถวายขอบคุณแล้ว ก็ลุกขึ้นมาอย่างสั่นเทา น้ำตานองหน้า พูดขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “ร่างกายหม่อมฉันไม่เป็นไร เพียงแค่ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ ไม่ได้ดื่มน้ำสักหยด ทั้งหิวทั้งกระหาย จึงทำให้ค่อนข้างเวียนหัวตาลาย”

อ๋องชินลุ่ยได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ดื่มน้ำสักหยด? แม่ทัพตี๋ ในเมื่อเจ้าพูดว่านางคือพระชายารัชทายาท จับตัวไว้ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ ไม่ได้ปรนนิบัติให้น้ำให้อาหารเลยหรือ?”

ตี๋เว่ยหมิงอึ้งไปในทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “คือ...เรียนอ๋องชินลุ่ย กระหม่อมสั่งไว้แล้วว่าให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เกรงว่าคงเป็นเพราะพวกบ่าวใช้ละเลยหน้าที่”

อ๋องชินลุ่ยดูมือของนางอีกครั้ง คิ้วยิ่งขมวดลึก พร้อมพูดขึ้นว่า “มือของเจ้าเป็นอะไร? ทำไมถึงเต็มไปด้วยรอยแดง ยังมีที่คอ ทำไมถึงเหมือนเคยถูกคนรัดแบบนั้น”

ทุกคนหันมามองดู แล้วก็มองเห็นบนหลังมือของนางมีร่องรอยเล็บมือ ตรงคอก็มีรอยช้ำจากการถูกบีบด้วยมือ ถึงแม้จะไม่ได้ชัดเจนมาก แต่เมื่อดูดีๆก็สามารถมองเห็นได้

หญิงสาวหรงเยว่ก้มหน้าร้องไห้ ไม่กล้าพูดอะไร

อ๋องชินลุ่ยพูดขึ้นอย่างโมโหขึ้นมาทันทีว่า “แม่ทัพ กล้าดียังไงถึงใช้การทรมาน?”

ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหลขึ้นมาในทันใด

ตี๋เว่ยหมิงหัวเราะเยาะพร้อมพูดขึ้นว่า “กลเจ็บกายของพระชายารัชทายาทนี้ เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อ ต่อให้ข้ามีความกล้าค้ำฟ้า ข้าก็ไม่กล้าทรมานพระชายารัชทายาท”

อ๋องชินลุ่ยพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ไม่ให้ทานไม่ให้ดื่ม นี่คงเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”

ตี๋เว่ยหมิงพูดขึ้นอย่างฉับไวว่า “ข้าละเลยไปแล้ว ข้าขอรับโทษ”

อ๋องชินลุ่ยโกรธจนขำ พร้อมพูดขึ้นว่า “รับโทษ? ดูเหมือนว่าเดี๋ยวแม่ทัพจะต้องไปรับโทษไม่น้อยเลย อย่างน้อย ความผิดฐานละเลยในหน้าที่ยังไงก็หนีไม่พ้น”

“ใช่ แม่ทัพ ท่านปฏิบัติงานอยู่ในค่ายทหารไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้ผ่านเขาโรคเรื้อนขึ้นมากะทันหัน? ตั้งใจเฝ้าอยู่ หรือว่าเดินผ่านไปเจอ? ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้ มีผู้คนมากมายเฝ้าอยู่ตรงเขาโรคเรื้อน หรือว่า ล้วนเป็นคนของแม่ทัพ?” เหลิ่งจิ้งเหยียนถามขึ้น

ตี๋เว่ยหมิงเห็นพระชายารัชทายาทที่พูดถึงยังไม่มาสักที แต่เหลิ่งจิ้งเหยียนกับอ๋องชินลุ่ย เอาแต่จ้องมองอยากที่จะจับผิดเขา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตั้งใจเบี่ยงเบนความสนใจ เขาจึงไม่พูดอะไร ขอเพียงไม่ใช่ฮ่องเต้เป็นคนถาม เขาจะไม่ตอบสักคำ รอเพียงว่าจะเรียกพระชายารัชทายาทมาเข้าเฝ้าไหม

หลังจากนั้นสักพัก มู่หรูกงกงเดินนำพาพระชายารัชทายาทหยวนชิงหลิงเข้ามาในท้องพระโรง

หยวนชิงหลิงสวมชุดชาววังสีเหลืองทองอร่ามปักลวดลายดอกโบตั๋นด้วยด้ายสีเงิน มวยผมทรงเมฆคล้อย สูงส่งสง่างาม ดูน่าเกรงขามอย่างไม่ธรรมดา ตอนที่เข้ามาในท้องพระโรง ท่าทีดูค่อนข้างตกใจทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ยังคงไม่ลืมที่จะก้าวขึ้นมาคุกเข่าทำความเคารพ

“ถวายบังคมฮ่องเต้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน