บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 258

เจ้าอาวาสมองไปที่กล่องยาแล้วยิ้ม จากนั้นจึงหันมาพูดกับหยวนชิงหลิงว่า: "หลับตาอีกครั้ง แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่อาตมาพูดนะ"

หยวนชิงหลิงหลับตาลงอีกครั้ง ตอนนี้นางรู้สึกนับถือในตัวท่านมหา ผู้นี้อย่างมาก แม้ว่านางจะยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ก็ตาม

เสียงเจ้าอาวาสดังขึ้นอย่างช้าๆ เรื่อยๆ “ตรงหน้าท่าน มีคนบาดเจ็บสาหัสคนหนึ่ง ซึ่งยามนี้หายใจเองไม่ได้ ม้ามแตก อวัยวะภายในมีเลือดออก มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ สิ่งสำคัญที่สุดคือนางกำลังตั้งครรภ์ได้เก้าเดือน เด็กใกล้จะคลอดแล้ว อาจมีสิทธิ์ตายในครรภ์ ท่านจะทำอย่างไร? จะรักษาคนบาดเจ็บผู้นี้อย่างไร?”

สมองของหยวนชิงหลิงคิดประมวลผลอย่างรวดเร็ว ม้ามแตกและอวัยวะภายในมีเลือดออก และเด็กกำลังจะคลอดแล้ว มันเป็นไปไม่ได้แน่ที่จะคลอดเอง อย่างแรกคือการห้ามเลือด ถ่ายเลือด และนำเด็กออกโดยการผ่าตัดส่องกล้อง ซ่อมแซมม้ามเพื่อหยุดเลือดที่ไหลอยู่ภายใน นี่เป็นการผ่าตัดใหญ่ เครื่องมือผ่าตัดที่จำเป็นต้องมีมากกว่านี้ นางมีเพียงมีดผ่าตัดและคีมในกล่องยา นางไม่มีแม้แต่เครื่องขยาย ใช่! นอกจากนี้ คนบาดเจ็บหายใจเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ.....

ของที่จำเป็นทั้งหลาย ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในหัวนางทีละอย่าง ๆ พลันได้ยินเสียงท่านเจ้าอาวาสเอ่ยขึ้นว่า "จงลืมตาเถิด"

หยวนชิงหลิงลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้า ทำเอานางตกใจจนแทบตกจากเก้าอี้เลยทีเดียว

กล่องยาขยายขนาดขึ้นจนใหญ่มาก มันใหญ่มากจนถึงขั้นที่ว่าแทบจะกินพื้นที่ทั่วทั้งอารามที่นางอยู่ กล่องมีความยาว กว้าง และสูงเกือบสามเมตร พูดได้ว่า กล่องยาที่ขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟเล็ก ๆ กลับขยายกลายเป็นกล่องขนาดใหญ่ ที่วัดได้น่าจะราว ๆ เก้าตารางเมตรเลยทีเดียว

ทั้งเก้าอี้และโต๊ะต่างล้มระเนระนาดไปหมด อาจเป็นไปได้ว่า ขณะที่กล่องยาขยายใหญ่ขึ้นมา คงไปเบียดเอาของพวกนั้นล้มเอียงกระเท่เร่อย่างนี้

“พระชายาลองไปเปิดกล่องดูสิ!” เจ้าอาวาสกล่าว

หยวนชิงหลิงเดินเข้าไปด้วยความประหลาดใจ แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า กล่องยาใบนี้เป็นกล่องใบเดิมของนาง

เป็นไปได้ไหมว่าท่านมหา นี่แหละ ที่เป็นผู้ควบคุมกล่องยา ? ทั้งยังเป็นคนที่ทำให้วิญญาณของนางเดินทางข้ามเวลามายังที่นี่ด้วย ? เอ๋ นางเริ่มจะเชื่อในเรื่องเทววิทยาขึ้นมาแล้วนะเนี่ย

เมื่อกดปุ่มเปิด กล่องยาก็ดีดตัวเปิดออกมาโดยอัตโนมัติ ทุกอย่างในนั้นปรากฏขึ้นต่อหน้าหยวนชิงหลิง

นี่คือห้องผ่าตัดขนาดเล็ก มีทั้งโต๊ะผ่าตัด เครื่องมือผ่าตัดและอุปกรณ์ครบครัน เครื่องช่วยหายใจ เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ มีดผ่าตัดถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ กระทั่งเสื้อคลุมปลอดเชื้อสำหรับการผ่าตัดก็รวมอยู่ด้วย ทุก ๆ อย่างที่นางคิดอยู่ในใจตอนนี้ สามารถเห็นได้จากในกล่องยาทั้งหมด

นางตกตะลึงอึ้งค้าง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงค่อยเงยหน้าขึ้นมองท่านมหา “ท่าน... ท่านเป็นคนควบคุมกล่องยาใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

เจ้าอาวาสยิ้ม “พระชายาคิดว่าอย่างไรล่ะ?”

สมองของหยวนชิงหลิงตีกันยุ่งเหยิง สิ่งที่นางได้เห็นตรงหน้านี้ มันน่าตกตะลึงเกินไปแล้ว

สรุปแล้ว ระหว่างท่านมหา กับการเดินทางข้ามกาลเวลาของนาง มีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงต่อกันอย่างไรแน่? ทำไมความสามารถของเขาถึงได้ร้ายกาจมากมายขนาดนี้? พอจะให้นางวัดคลื่นสมองของเขาบ้างได้หรือไม่หนอ?

ถ้าเป็นในยุคปัจจุบัน นางจะต้องดึงตัวท่านมหา ไปห้องทดลองอย่างแน่นอน เพื่อวิจัยดูโครงสร้างในสมองของเขา คิดว่าจะต้องมีอะไรบางอย่าง ที่แตกต่างจากคนทั่วไปอยู่แน่ๆ

“นี่ท่านเป็นใครกันแน่?” หยวนชิงหลิงถามขึ้นมาอีกครั้ง

เจ้าอาวาสพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง ทั้งกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกสนใจว่า "พระชายายังจำลิงที่พอออกจากห้องทดลองไป ก็ถูกรถชนตายได้หรือไม่"

“พี่ลิง?” หยวนชิงหลิงตกใจ “ท่านรู้จักกระทั่งพี่ลิงด้วยรึ?”

โอ้ สวรรค์ เขาเป็นเทพจริง ๆ หรือนี่?

“ปริมาณยาที่พระชายาฉีดให้แก่ลิงตัวนั้น มากเท่ากับขนาดยาที่ฉีดให้ตัวเองหรือไม่” เจ้าอาวาสถาม

หยวนชิงหลิงนั่งลงบนเก้าอี้ หายใจหอบหนัก และมองไปที่เจ้าอาวาสด้วยความประหลาดใจ "เจ้า... สรุปแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?"

มันไม่เท่ากัน ขนาดยาที่ฉีดให้พี่ลิงนั้นค่อนข้างน้อย เดิมทีตั้งใจจะค่อยๆ เพิ่มขนาดยาให้ แต่ปริมาณยาที่นางฉีดให้ตัวเองก็น้อยเช่นกัน เพราะเดิมทีนางวางแผนไว้ว่าจะเพิ่มปริมาณยาขึ้นไปอย่างช้าๆ แต่ทันทีที่ลงเข็ม นางก็มีอันข้ามเวลามาที่นี่เสียก่อน

หยวนชิงหลิงยื่นนิ้วมือที่สั่นระริกของตัวเองออกไป ดวงตาเบิกกว้าง "ท่าน...คงจะไม่ใช่พี่ลิงหรอกนะ?"

เจ้าอาวาสยังคงยิ้มไม่ตอบคำ

หยวนชิงหลิงตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ นางไม่มีหนทางไหน ที่จะคิดเชื่อมโยงเจ้าลิงจอมคึกที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาตัวนั้น กับเจ้าอาวาสที่ดูโอบอ้อมอารีตรงหน้านางผู้นี้ ว่าเป็นคนคนเดียวกันได้เลย

นี่มันต้องเป็นฝันร้ายแน่!

นางตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่ ไม่สะดุ้งตื่น

“ทิศทางการวิจัยและทฤษฎีของพระชายานั้นไม่ผิด แต่ท่านอาจไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่าสมองจะมีพลังงานแบบไหนเมื่อมันถูกพัฒนาจนถึงที่สุด อาตมาศึกษาเรื่องนี้มาหลายสิบปีแล้ว ในที่สุดก็ค้นพบว่า แท้ที่จริงแล้ว วิทยาศาสตร์กับศาสนาพุทธนั้นมีเป้าหมายเดียวกัน เพียงแต่เส้นทางที่ใช้เดินไปสู่ผลลัพธ์แตกต่างกันก็เท่านั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน