บัญชามังกรเดือด บทที่ 671 พิธีหมั้น

sprite

เมืองหลงเจียงอยู่ห่างจากเมืองฮั่นจงเกือบสองพันกิโลเมตร ถ้านั่งรถไฟต้องใช้เวลามากกว่าสิบชั่วโมง

สามารถพูดได้ว่า การเดินทางด้วยรถไฟเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น อาศัยอำนาจที่ฉินเทียนมี การใช้เครื่องบินส่วนตัวแสนหรูเดินทางระหว่างสองเมืองก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินเลย

เพียงแต่ฉินเทียนต้องการเดินทางด้วยรถไฟ อยากใช้เวลาบนรถไฟไปทำความเข้าใจกับเรื่องราวบางอย่างที่เขาได้รับรู้และพบพานมา

แม้เขาบอกตัวเองว่า การเดินทางฮั้นจงครั้งนี้แค่เพื่อล้างแค้นให้เพื่อน เสร็จเรื่องก็จะจากไป จะไม่ไปยุ่งกับตระกูลฉิน

อีกอย่าง ฮั่นจงก็ถือว่าอยู่ห่างจากฐานที่มั่นของตระกูลฉิน

เพียงแต่ว่า เขารู้สึกได้ว่าหลังจากนี้ เขาคงไม่อาจชำระสะสางบุญคุณความแค้นกับตระกูลฉินได้อีกแล้ว เขามีอะไรให้ต้องคิดอีกมาก ไม่อาจหุนหันพลันแล่นในการลงมือกับตระกูลนี้ได้อีก

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหนึ่งในนั้นไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาจึงพลอยไม่ใช่คนธรรมดาไปด้วย ทั้งหมดจึงไม่สามารถเดินทางด้วยวิธีการไม่ธรรมดาได้ในช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดาแบบนี้

คนบางคน ของบางสิ่ง ล้วนมีชะตาต้องกัน นำพามารวมกันด้วยมือที่มองไม่เห็น ไม่มีผู้ใดขัดขืนชะตาฟ้าลิขิตได้ พวกเขาทั้งหมดก็เช่นกัน

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด สิ่งที่จะได้มาก็ต้องได้มาตามที่ควรจะเป็น

เมื่อแสงสว่างดับลง เขาเอนตัวพิงกับขอบหน้าต่าง และผลอยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

......

เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่บนรถไฟมานานแค่ไหนแล้ว เขารับรู้ได้ว่ารถไฟจอดรับส่งผู้โดยสารมาหลายสถานีแล้วและเขาอยู่ห่างจากสถานีรถไฟที่เขาขึ้นรถไฟขบวนนี้มาไกลมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงสถานีปลายทางที่เขาต้องการจะลงจากรถไฟขบวนนี้ เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ และพบว่าผู้โดยสารอยู่เต็มรถไฟตู้ที่เขานั่งอยู่แล้ว ต่างคนต่างทำอากัปกิริยาแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพหลับไหลจากการเดินทาง

ทันใดนั้น ฉินเทียนสะดุ้งตื่นตัวขึ้นด้วยเสียงเอะอะโวยวายที่ด้านข้างของรถไฟ ถึงเสียงนั้นจะดังห่างจากตู้รถไฟของเขาไปพอสมควร แต่เขาก็พอจับใจความสำคัญได้

ในเวลานี้ มันดึกสงัดแล้ว เสียงรบกวนเพียงเล็กน้อยก็ดังพอที่จะปลุกผู้คนมากมายให้ตื่นขึ้นได้ ผู้โดยสารหลายคนที่ตื่นขึ้นมาก็แสดงใบหน้าฉงนหรือตื่นตระหนก และรีบมองไปยังต้นเสียงนั้น

"ช่วยด้วย"

ผู้หญิงคนหนึ่งร้องว่าพูดว่า "ช่วยฉันด้วย"

"เขาจะลวนลามฉัน"

บรรดาผู้คนที่รับรู้ถึงเหตุการณ์นั้นพากันพูดคุยจับกลุ่มสนทนากันเรื่องหญิงสาวที่ร้องขอความช่วยเหลือ

จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงที่แสนเย่อหยิ่งของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นว่า "บอกแล้วว่าอย่าโวยวายไง!"

"เฮ้ย ไม่เห็นเหรอว่าเรามาด้วยกัน ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียกู"

"เรื่องในครอบครัว คนนอกอย่ามายุ่ง ถ้ามีใครสะเออะเข้ามาล่ะก็ กูจะเล่นให้ยับเลย!"

"ไป๋เสวี่ย กลับบ้านซะ อย่ามาทำตัวแบบนี้นอกบ้าน"

"ไม่เอา"

"ช่วยฉันด้วย ฉันไม่ใช่เมียเขานะ"

ผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งส่งเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจ ใบหน้าเรียวงามดั่งกลีบดอกบัวซีดเผือดด้วยไปด้วยความหวาดกลัว แววตาคู่งามเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

มีชายขี้เมาหลายคนไล่ตามคว้าจับตัวเธออยู่ด้านหลัง สีหน้าและแววตาบ่งบอกถึงความโอหังและความต้องการบางอย่างที่ไม่ดีต่อผู้หญิงร่างเล็กคนนั้น

ผู้ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มคนท่าทางเมาเหล้านั้นดูเป็นคนหัวสูงและหยิ่งผยอง เขาเป็นคนที่ประกาศกร้าวว่าผู้หญิงร่างบางนั้นเป็นเมียของเขา ทั้งที่ดูจากรูปการณ์แล้วไม่น่าจะเป็นไปได้

เขาชี้ไปที่ผู้คนรายรอบในบริเวณนั้น รวมถึงผู้โดยสารบนรถไฟที่จ้องมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นก็แสดงท่าทางยโสโอหังออกมาและข่มขู่ทุกคนว่า “อย่าเสือกเรื่องชาวบ้าน นี่เรื่องผัวเมีย”

"ถ้าขืนเข้ามาเสือก กูไม่เอามึงไว้แน่"

เมื่อเห็นลูกพี่ข่มขู่แล้ว ลูกน้องที่ตามมาก็ร่วมสนับสนุนการข่มขู่ผู้คนของลูกพี่ด้วย หนึ่งในกลุ่มคนที่ตามมาข้างหลังตะโกนเสียงดังใส่ผู้คนโดยรอบว่า

"เฮ้ย รู้จักลูกพี่หานไท่ไหม"

"บอกเลยนะว่า ลูกพี่หานของเราปกครองเขตตะวันตกเฉียงเหนือของที่นี่อยู่”

"วันนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของภรรยาของพี่หาน ใครก็ห้ามยุ่งเด็ดขาด"

เมื่อเห็นเรื่องราวเป็นเช่นนี้ บรรดาผู้โดยสารบนรถไฟและผู้คนที่สถานีต่างก็พากันหวาดกลัวกันเกินกว่าจะส่งเสียงได้

ไม่ว่าคนที่เรียกตัวเองว่าหานไท่จะเป็นผู้ปกครองนอกกฎหมายของเขตตะวันตกเฉียงเหนือของพื้นที่จริงๆ หรือเป็นแค่คำกล่าวอ้าง แต่ที่แน่ชัดคือคนพวกนี้ท่าทางโอหัง น่ากลัว และพร้อมใช้กำลังกับทุกคนที่เข้าไปยุ่งเรื่องของคนพวกนี้

นอกจากนี้ พวกมันมากับห้าหกคน มากพอจะจัดการคนที่คิดเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้นได้

ยิ่งกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ชื่อไป๋เสวี่ยจริงๆ

พวกเขาอยู่ในตู้รถไฟเดียวกัน ทานอาหารในบริเวณเดียวกัน ตอนแรกไป๋เสวี่ยหัวเราะเฮฮาไปกับเพื่อนๆ ของเธอ ในขณะที่หานไท่และพวกอีกสองสามดื่มเหล้าอยู่ใกล้ๆ

พอหานไท่เมา ความต้องการทางเพศก็สูงขึ้น และต้องการลวนลามไป๋เสวี่ย

ที่ตรงนั้น ผู้คนมากมายเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก ยิ่งเขาโวยวายด้วยอาการเมา ก็ยิ่งทำให้เรื่องวุ่นวาย หลายคนตัดสินใจแจ้งตำรวจให้มาจัดการดูแลความสงบเรียบร้อย

เมื่อตำรวจมาถึง หานไท่ก็แสดงท่าทีอ่อนลง สารภาพกับตำรวจว่าเขาดื่มมากไปและควบคุมตัวเองไม่อยู่ จากนั้นรับปากตำรวจว่าเขาจะควบคุมการดื่มให้ดีขึ้น จะไม่แตะต้องตัวไป๋เสวี่ย และไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะการเมาของเขาอีก

เมื่อเห็นท่าทางสำนึกผิดของหานไท่และพวก ตำรวจจึงทำเพียงแค่ตักเตือนและปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายแยกย้าย โดยไม่รู้เลยว่าหานไท่ไม่ได้ประสงค์ดีเลยแต่อย่างใด ที่เขายอมถอยก็เพื่อจะตามไปจัดการทีหลังเท่านั้น

หลังจากไป๋เสวี่ยแยกย้ายกับเพื่อนๆ เธอก็เดินตรงมาทางตู้รถไฟตู้นี้ เป็นเหตุให้หานเขาตามมาที่นี่ และแสดงท่าทางลวนลาม จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ในขณะนี้ขึ้น

“ฉันไม่เอา” เธอกรีดร้องโวยวายด้วยความตื่นกลัว “ฉันจะเปลี่ยนที่นั่ง ฉันจะนั่งตรงนี้”

เมื่อไป๋เสวี่ยเห็นว่าที่นั่งข้างฉินเทียนว่างอยู่ เธอก็รีบนั่งลงก็แสดงท่าทางโวยวายดื้อแพ่งออกมา เธอหวังเพียงว่าตำรวจจะมาช่วยเธออีกครั้งแบบที่เพิ่งเกิดขึ้น

“เจ้าหนุ่ม ถึงพวกเธอจะแต่งงานกัน แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ใช่เรื่องฝืนใจบังคับนะ อย่าไปบังคับผู้หญิงสิ”

“ถ้ามีปัญหากัน แยกกันก่อนดีไหม แยกกันนั่งคนละที่กันก็ไม่เป็นไร”

ตำรวจวัยกลางคนที่ตามมาถึงและพบว่าเป็นคนคู่เดิมที่เพิ่งทะเลาะกันรีบเกลี้ยกล่อมทันที เขาไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะท่าทางข่มขู่ของอีกฝ่าย

ต่อหน้าทุกคนและตำรวจ หานเขาไม่กล้าแสดงท่าทีแข็งกร้าวออกมา ไม่กล้าใช้ความรุนแรง เขารู้ดีว่าถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา เขาต้องเผชิญปัญหายุ่งยากแน่นอน

หานไท่มองตำรวจวัยกลางคน กรอกตาและพูดว่า “ไป๋เสวี่ย เธอจะนั่งตรงนี้จริงๆ ใช่ไหม”

“ใช่”

“แล้วแต่นะ”

เมื่อไป๋เสวี่ยคิดว่าหานไท่จะปล่อยเธอไป หานไท่ก็ตบไหล่ฉินเทียนที่นั่งอยู่แล้วพูดด้วยท่าทางออกคำสั่งว่า “ไอ้น้อง เปลี่ยนที่นั่งซะ”

“ใช่ ไอ้หนู ไปนั่งที่นั่งของพี่แทนซะ”

หานไท่ไม่บีบบังคับให้ไป๋เสวี่ยกลับไปนั่งที่เดิมของเธอ แต่เขาตัดสินใจจะนั่งตรงนี้กับเธอแทน วิธีนี้ดีกว่า เพราะคนตรงนี้ไม่รู้ว่าเขากับเธอมีความสัมพันธ์กันยังไง แถมยังทำให้ไป๋เสวี่ยหนีไปไหนไม่ได้อีก

“อย่านะ”

ไป๋เสวี่ยตื่นตระหนกราวกับลูกนกตัวน้อยที่หวาดกลัว เธอกลัวสิ่งที่เธอคิดว่าหานเขาจะทำต่อจากนี้ จึงรีบไปเกาะแขนฉินเทียนเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ ถึงเธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่ถ้าเขาตัดสินใจย้ายที่นั่ง ย่อมไม่ดีต่อตัวเธอแน่

ในที่สุด ฉินเทียนก็หันศีรษะมองไปทางไป๋เสวี่ย แล้วพูดด้วยท่าทางราบเรียบว่า “นี่ จำฉันไม่ได้จริงเหรอ”

ไป๋เสวี่ยอ้าปากค้าง เธอปละหลาดใจมากที่คนตรงหน้าพูดแบบนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่เธอก็นึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใครจริงๆ

จนกระทั่งพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายที่แทบไม่เปลี่ยนไปเลย เธอจึงนึกออกมาได้อย่างประหลาดใจว่า

"ฉินเทียน!"

เธอร้องถามอีกครั้งว่า “นี่ ฉินเทียนเหรอ”

ฉินเทียนพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ ไม่เจอกันสองสามปี ทุกคนเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”

ดีจังเลยที่ได้เจอเพื่อนเก่าอีกครั้ง

หานไท่เป็นคนรู้จักสมัยเรียน ไป๋เสวี่ยก็เหมือนกัน คนอื่นๆ ที่ตามหานไท่มาก็ล้วนเป็นเพื่อนสมัยเรียน รู้จักกันสมัยเรียนมัธยมศึกษาในฮั่นจงด้วยกันทั้งนั้น

การพบพานอีกครั้งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเมื่อพบพานกัน ความรู้สึกในอดีตก็กลับมาอีกครั้ง เพราะพวกเขาทุกคนเป็นมนุษย์ เมื่อได้พบพานและรู้จักกัน ย่อมมีความรู้สึกเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง

ครั้งนี้ก็เช่นกัน

แต่ฉินเทียนจำได้เลือนลางว่า ไป๋เสวี่ย หานหลิง หานไท่ และเขาต่างมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเพราะเจียวเหลียง

ไม่คิดเลยว่าพวกเขามาพบกันที่นี่ในรูปแบบนี้

เป็นคนเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยยุ่งกับใคร แต่งตัวโทรม ในขณะที่ฉินเทียนในตอนนี้มีรูปร่างต่างไปจากเดิมอยู่บ้าง

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไป๋เสวี่ยและหานไท่ต่างจำเขาไม่ได้ในทีแรก

“ฉินเทียน”

“ให้ตายสิ ฉินเทียนเหรอ”

“บัดซบ นั่นมันไอ้คนไร้ประโยชน์ที่ชอบอยู่กับหูเฟยเหรอ”

หานไท่ตกใจในตอนแรก แต่ต่อมาเขาก็หัวเราะออกมา เขาจำได้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ฉินเทียนในตอนนี้ไม่มีทางต่อกรกับเขาได้แน่

บัญชามังกรเดือด นวนิยาย บทที่ 671 พิธีหมั้น ออนไลน์ฟรี

ที่ผู้แต่ง สวรรค์ไร้เทียมทาน's บทที่ 671 พิธีหมั้น บัญชามังกรเดือด , รายละเอียดของเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง ความรักของนักแสดงนำชายและหญิงอยู่ในจุดบอด ไม่ใช่แค่ความรักที่บริสุทธิ์ แต่ผู้เขียน สวรรค์ไร้เทียมทาน ก็ต้องการถ่ายทอดปัญหาเพิ่มเติมเช่นกัน เป็นไปได้ไหมว่าใน บัญชามังกรเดือด บทที่ 671 พิธีหมั้น ความรักของนักแสดงนำชายและหญิงสามารถมารวมกันได้? ครอบครัวพระเอกจะรับไหม? ติดตาม บัญชามังกรเดือด สวรรค์ไร้เทียมทาน บทที่ 671 พิธีหมั้น ที่ th.readeraz.com

บัญชามังกรเดือด สวรรค์ไร้เทียมทาน บทที่ 671 พิธีหมั้น

บัญชามังกรเดือด นวนิยาย บทที่ 671 พิธีหมั้น