บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 34

ตอนที่ 34 ฮองเฮาผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

นิสัยที่ไม่แยแสเช่นนี้ของกุ้อ้าวเวย กลับช่างเหมาะสมกับซ่านจินจื๋อมากทีเดียว

หลังจากผ่านไป 15 นาที ซูพ่านเอ๋อ ก็เดินเนิบๆตรงมานั่งลงด้านซ้ายของซ่านจินจื๋อ ซึ่งด้านซ้ายควรจะเป็นตำแหน่งของเจ้านาย นางสนมสมควรจะอยู่ด้านขวา น่าเสียดายที่กุ้อ้าวเวยมีหัวใจแค่เพียงการเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต จึงไม่ได้สนใจทั้งซ้ายและขวาของเขา

ซ่านจินจื๋อกลับขมวดคิ้วไว้อย่างไร้ร่องรอย เขาเกิดมาในเชื้อพระวงศ์ ถึงแม้ว่ายอมเชื่อฟังคล้อยตามทุกอย่างต่อซูพ่านเอ๋อก็ตาม แต่กฎเกณฑ์ของกษัตริย์ไม่อาจแก้ไขได้โดยง่าย หาถูกฮ่องเต้เห็นว่าซูพ่านเอ๋อเป็นเช่นนี้  ชื่อเสียงที่โดนดูถูกเหยียดหยามก็คงเพียงพอที่จะให้นางเดินออกไป

ตำราแพทย์ที่อยู่ในมือของกุ้อ้าวเวยเล่มหนึ่งได้ถูกหยิบขึ้นมา นั้นทำให้กุ้อ้าวเวยตื่นตกใจมาก นางหันกลับไปมองเขา พร้อมกับยื่นมือออกไปแย่งคืนกลับมา ซ่านจินจื๋อจึงทำได้เพียงแค่วางตำราคาให้ไกลๆ  

“เอาตำราคืนหม่อมฉันมานะเพคะ นี่เป็นตำราแพทย์ที่น่าทะนุถนอมนะ หากสกปรกขึ้นมาหม่อมฉันจะสาปแช่งท่านนะเพคะ”

“เจ้าเปลี่ยนตำแหน่งกับพ่านเอ๋อ” ซ่านจินจื๋อประคองซูพ่านเอ๋อขึ้นมา แววตาอ่อนโยน 

ซูพ่านเอ๋อกัดฟันอย่างเงียบๆ นางนั่งลงที่ตรงนี้เพื่อหวังที่จะได้แสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ซ่านจินจื๋อจะเข้ามาขัดขวางฮ่องเต้

ทั้งสองคนเปลี่ยนตำแหน่งกัน กุ้อ้าวเวยกลับไม่กล้านำตำราแพทย์โบราณออกมาอีก นอกจากดื่มเหล้าลงท้องไป พร้อมกับเคาะปลายนิ้วอยู่ตลอดเวลา จึงได้ถือโอกาสวางยาลงในเหล้า เมื่อละลายก็ดื่มลง

“ท่านพี่จื๋อ ตอนนี้ใกล้ได้เวลาเที่ยงแล้ว ทำไมฮ่องเต้ถึงยังไม่เสด็จลงมากัน?” ซูพ่านเอ๋อดื่มซุปเย็นๆลงไป เมื่อเวลาใกล้เที่ยง ต่อให้เป็นฤดูกาลใบไม้ผลิก็ยังมีอากาศที่ร้อนระอุ

“แม่นางพ่านเอ๋อพูดปุ๊ปก็มาทันเวลาพอดีเพคะ” กุ้อ้าวเวยใช้มือประคองหัวไว้ แล้วมองไปทางประตูใหญ่ในสนามล่าสัตว์ด้วยตาไม่กระพริบ กลุ่มคนที่อยู่ ณ ที่ไกลๆได้เดินเข้ามาในนี้ ฮ่องเต้นั่งอยู่บนรถม้า มองดูไกลๆก็เหมือนกับแข็งแรง เพียงแค่ในระยะเวลาไม่กี่ปี กลุ่มพระโอรสต่างทยอยกันแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้

ซ่านจินจื๋อยืนขึ้น แล้วพาพวกเขาทั้งสองคนไปทำความเคารพพร้อมกัน 

ฮ่องเต้ปลายตามองไปทางพวกเขา เมื่อเห็นซูพ่านเอ๋อที่อยู่ข้างกายของซ่านจินจื๋อ จึงได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา นอกจากโบกมือไปมา : “ตามสบายเถอะ การล่าสัตว์ในวันนี้ ตัวน้อยๆไม่กี่ตัวก็ปล่อยไปเถอะ” 

ฮ่องเต้ได้แสดงสีหน้าที่อ่อนโอนตาม กุ้อ้าวเวยอดที่จะมองไปหลายรอบไม่ได้ แล้วก็เห็นอาการของฮ่องเต้ปรากฏออกมา แต่เมื่อมองอย่างละเอียด กลับคล้ายคลึงกับซ่านจินจื๋อมากทีเดียว ฮ่องเต้เองก็เห็นนางอย่างชัดเจน เมื่อพาฮ่องเต้เดินไปนั่งบนพระที่นั่งอย่างช้าๆแล้ว เหล่าขันทีก็เริ่มทำพิธี

อาจเป็นเพราะเรื่องร่างกายของซ่านจินจื๋อที่ป่วยจนไม่สามารถล่าสัตว์ได้ กุ้อ้าวเวยจึงไม่ต้องเผชิญหน้ากับคนที่ชอบเอะอะโวยวายอย่างซูพ่านเอ๋อ เพียงแค่กำชับคนที่นั่งข้างกายให้รับประทานเยอะๆ ชิงต้ายที่รีบเข้ามากล่าวทักทายก็อดที่จะเตือนนางไม่ได้ : “พระชายา ช้าก่อน เดี๋ยวต้องดูการล่าสัตว์อีกนะเพคะ อย่าทรงเสวยมากเกินไป

“ไม่มีปัญหา” กุ้อ้าวเวยกระพริบตาต่อนาง ในตอนที่รออาหารมาถึง จึงได้ค้นพบว่ากระเป๋าบนเอวลดน้อยลง

นางลูบ และก็นึกย้อนกลับไปว่าเมื่อสักครู่ได้ทำหายในที่ควบม้าอยู่ในป่าหรือไม่  

“หยินเชี่ยว เจ้าไปยังคอกสัตว์สักหน่อย แล้วให้พวกเขาหากระเป๋าโอสถ ชิงต้าย ข้านำกล่องให้กับท่านชายผู้หนึ่งไปแล้ว เดี๋ยวเจ้าไปเอาอีกกล่องที่อยู่ในรถม้ามา แล้วนำไปให้กับแม่ทัพเซียว” กุ้อ้าวเวยออกคำสั่งเบาๆ  

ซูพ่านเอ๋อฟังอย่างตั้งใจ จิ่นซิ่วที่นั่งอยู่ข้างกายกลับมองออกไปไกลๆ จากนั้นก็โค้งตัวลงมา แล้วชี้ไปอีกฝั่งหนึ่ง

หู้ปู้เซ่อหลางและบุตรชายคนอื่นกว่างเสียนกำลังนั่งลง ดวงตาคู่นั้นของกว่างเสียนจ้องมองไปทางกุ้อ้าวเวยอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนซูพ่านเอ๋อทำได้เพียงแค่กระตุกยิ้มมุมปาก เมื่อนึกถึงสายลับที่มารายงานเมื่อคืนว่า กุ้อ้าวเวยและกว่างเสียนได้เกิดการทะเลาะวิวาทกันในร้านเหล้า และจากนั้นก็ขยิบตาให้จิ่นซิ่ว จิ่นซิ่วพยักหน้าแล้วรีบเดินจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์