บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 36

ตอนที่ 36 ตกลงที่จะรับประกันเจ้า

เมื่อซูพ่านเอ๋เห็นซ่านจินจื๋อพากุ้อ้าวเวยจากไป ปลายนิ้วได้ฝังเข้าไปในฝ่ามือ  

กุ้อ้าวเวยผู้นี้มีอะไรดีกันแน่ ! คาดไม่ถึงว่าจะสามารถอยู่ข้างกายของท่านพี่จื๋อได้!

เมื่อเข้าไปในป่า ทั้งสองคนต่างก็ตามเสียงไป เมื่อเห็นองค์ชาย 4 กำลังพิงอยู่กับต้นไม้ เลือดไหลรินออกมาจากขาข้างหนึ่ง ส่วนแขนอีกข้างก็ถูกกิ่งไม้กรีดจนบาดแผลใหญ่ ส่วนสัตว์ป่าตัวหนึ่งก็ได้พุ่งออกมาจากฝูงชน

ม้ายังไม่หยุด กุ้อ้าวเวยก็กระโดดลงมาจากหลังม้าด้วยความกล้าหาญแล้ว แถมยังกลิ้งนำทั้งสองคนแล้วลุกขึ้นวิ่งไปทางซ่านเชียนหยวนองค์ชาย 4 ราวกับไม่เห็นสัตว์ป่าที่อยู่ในละแวกนี้

“เจ้าไม่ต้องฆ่าแล้ว!” ซ่านจินจื๋อตะโกนใส่กุ้อ้าวเวย กลับยกธนูและลูกธนูที่อยู่ในมือขึ้นมา แล้วยิงตรงสัตว์ป่าอย่างไม่ยั้งน้ำหนัก เมื่อเห็นว่าสัตว์ได้ถูกท่านชายอีกคนกระแทกใส่ด้วยแขนที่คงที่

“เจ้าไม่มีเทพเจ้าแห่งสงคราม ความตื่นตกใจเทียบไม่ได้กับการฆ่าสัตว์ตัวนั้น !” กุ้อ้าวเวยตะโกนเสียงดัง โชคดีที่นางเทเหล้าออกไปแล้วเพราะความกลัว และได้เสวยยาถอนพิษไปนานแล้ว ดังนั้นมือทั้งสองจึงไม่สั่นแต่อย่างใด

องค์ชาย 4 ยังไม่ได้สูญสิ้นสติสัมปชัญญะ นางนำขวดหยกวางไว้ตรงปลายจมูก ซ่านเชียนหยวนจึงได้ลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กุ้อ้าวเวยใช้ปากกัดชายเสื้อฉีกขาด แล้วนำไปยัดใส่ขวดหยกและยัดใส่ในมือของเขา : “ดมเองเถอะเพคะ ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนห้ามสลบเด็ดขาด เข้าใจไหม?”

ไม่ว่าจะอย่างไรซ่านเชียนหยวนก็เติบโตมาในกรมทหาร เขามีปฏิกิริยาตอบสนอง โดยการก้มหน้าลงวางขวดหยกตรงปลายจมูก ถึงแม้ว่ากลิ่นมันไม่พึงประสงค์ก็ตาม แต่กลับช่วยทำให้สมองตื่นตัว ละยังทำให้เขารู้สึกปวดหัวมากอีกด้วย

กุ้อ้าวเวยนำผ้ายัดใส่ในปากของเขา แล้วกุมผ้าที่ฉีกออกมาผืนนั้นอย่างรุนแรง ซ่านเชียนหยวนเหงื่อออกมาราวกับฝนตก

เสียงแหวกอากาศข้างหูดังขึ้น ลูกธนูขนนกที่อยู่ในมือสองลูกของซ่านจินจื๋อได้ถูกยิงออกไป จะทะลุเนื้อหนังมังสาหนาๆของสัตว์ ลูกธนูสองคันนี้ทำให้มันเกิดหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น จึงได้หันกลับไปมองพวกเขาที่กำลังพุ่งเข้ามา

มีดยาวบนเอวได้ถูกดึงออกมา ซ่านจินจื๋อได้บังคับม้าให้หัน เพื่อขวางกุ้อ้าวเวยและซ่านเชียนหยวนไว้

“ท่านอาระวังด้วยพะยะคะ สัตว์ตัวนั้นมีปัญหา!” ซ่านเชียนหยวนได้ยกมืออันสั่นเทาเบาๆขึ้นมา พร้อมกับหันกลับไปยังมองกุ้อ้าวเวยที่พันผ้าพันแผลไว้เรียบร้อยพอดี จึงได้ใช้ปากฉีกผ้าอีกผืนออกมา แล้วแล้วหยิบขวดขำนวนไม่น้อยขึ้นมาวางไว้ด้านข้าง 

เมื่อสัตว์ป่าวิ่งพุ่งเข้ามาชน ซ่านจินจื๋อใช้มีดยกขึ้นมา เมื่อครุ่งคิดอยู่สักพักใหญ่ จึงได้เปลี่ยนทิศทางไปอยู่อีกด้าน เพื่อดึงดูดสัตว์ป่าให้ตามมา

ซ่านเชียนหยวนเหงื่อออกจนชุ่มแผ่นหลัง กุ้อ้าวเวยจึงได้ล้วงเข้าไปหยิบเข็มเงินออกมาแทงเพื่อห้ามเลือดเขาไว้ จากนั้นก็เคาะไปที่หัวกะโหลก ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า : โชคดีที่ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงกระดูก เพียงแค่บาดแผลที่ลึกมากเท่านั้น เดี๋ยวข้าจะจัดการให้เพคะ”

นางหยิบผ้าที่ยัดอยู่ในปากของเขาออกมา แล้วล้วงไปหยิบขวดหยกอีกขวดขึ้นมาเทใส่บาดแผลที่เกิดจากของมีคมนี้ เขากัดฟันกรอดในตอนที่รู้สึกเจ็บปวด กุ้อ้าวเวยจึงได้นำเลือดของเขามาให้เขาดมอยู่ปลายจมูก เขากัดฟันกรอด เมื่อยามรู้สึกเจ็บปวด กุ้อ้าวเวยจึงได้ขมวดคิ้ว : “เจ้าเคยโดนพิษมาก่อนหรือไม่?”

“นานมากแล้ว แต่ก็ได้ดูดพิษออกไปแล้ว ” ซ่านเชียนหยวนเห็นหมอหลวงวิ่งเข้ามาพร้อมกับกล่องยาจากที่ไกลๆ เพียงแต่ด้วยความที่เขาหมดสิ้นพลังจึงได้เกิดอาการวิงเวียน

“ยังมีพิษร้ายแรงอยู่ เจ้าน่าจะกลับไปให้หมอตรวจสอบร่างกายของเจ้า” กุ้อ้าวเวยได้หยิบขวดหยกยักใส่ในมือของเขาใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็ล้วงไปหยิบผ้าสะอาดๆออกมาจากเอว แล้วพันขาของเขาไว้อย่างเบามือ ดูเหมือนว่ากระดูกขาของเขาจะหัก

“โดยปกติแล้วเจ้ามักใช้แขนข้างนี้อยู่เป็นประจำ” กุ้อ้าวเวยแตะขาของเขาอย่างเบามือ

“ใช่” เมื่อสิ้นสุดเสียงของซ่านเชียนหยวน ก็ได้ยินเสียงเปรียะดังขึ้น คาดไม่ถึงว่ากุ้อ้าวเวยจะสะบัดแขนของเขาจากด้านข้างของเขา ด้วยความที่เขาวิงเวียนไปจึงไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา กุ้อ้าวเวยกลับยกกระดูกต่อเข้าด้วยกัน ความเจ็บปวดทำให้ดวงตาเห็นดาววีนัส จากนั้นก็มองไปรอบๆจนล้มลงไปอีกด้าน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์