จอมนักรบอหังการ นิยาย บท 34

หัวใจของหยางเฟยเอ๋อร์เต้นแรงมาก

ใช่

ตัวเองคือเพื่อนสมัยเรียนของเย่อู๋เทียน

แต่เย่อู๋เทียนที่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าเสิ่นจูนอี๋…………

มันจะมีประโยชน์อะไรเหรอ?

เธอคือใคร?

นาย เย่อู๋เทียนคือใคร?

ช่างเถอะ แม้เขาจะเป็นแค่เด็กกาก แต่ยังไงเขาก็หวังดี ตัวเองก็จะไม่ถือสายเขา!

ตัวเองต้องไปจากคฤหาสน์ตระกูลเย่โดยเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเสิ่นจูนอี๋ตำหนิ!

ขณะที่คิดเช่นนี้ หยางเฟยเอ๋อร์ก็รีบขอโทษเสิ่นจูนอี๋

“ประธานเสิ่น คุณวางใจเถอะ เรื่องในวันนี้ ฉันไม่มีทางที่จะพูดออกไปแม้แต่คำเดียว ฉันเป็นคนปากหนักมาก”

พูดจบ หยางเฟยเอ๋อร์ไม่สนใจว่าทำไมเสิ่นจูนอี๋ถึงได้คุกเข่าให้เย่อู๋เทียน กำลังจะไปจากที่นี่ทันที

แต่เพิ่งจะก้าวเท้าออกไป ก็คิดอะไรขึ้นมาได้

“เออ ประธานเสิ่น ที่วันนี้ฉันมาโดยไม่ได้รับเชิญ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!”

“เงินทุนหยินหลิ่งที่ลงทุนให้กับบริษัทเล็กๆของฉัน คุณก็อย่าเก็บไปใส่ใจเลย คุณก็ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ!”

“คุณวางใจเถอะ ผลประกอบการในปีนี้และครึ่งปีหน้าของบริษัทเรา จะไม่ทำให้เงินทุนหยินหลิ่งผิดหวังอย่างแน่นอน!”

“ฉัน ฉันไปก่อนละ!”

เสิ่นจูนอี๋ร้อนใจจนจะร้องไห้แล้ว ก็ลุกขึ้นในทันที แล้วพูดกับหยางเฟยเอ๋อร์

“เธอ เธออย่าเพิ่งไป ขอโทษด้วย ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นเพื่อนของเย่อู๋เทียน เมื่อกี้ฉันพูดผิดไปแล้ว ขอให้เธออภัยด้วย!”

ขณะที่พูด เสิ่นจูนอี๋ก็มองไปทางเย่อู๋เทียน น้ำเสียงสะอื้น

“พี่เขย ฉันรู้ ฉันน่ะทำตัวเหิมเกริม และเผด็จการอีกแล้ว นิสัยนี้แก้ไม่ได้เสียที พี่อย่าถือสาฉันเลยนะ!”

หยางเฟยเอ๋อร์อึ้งไปในทันที

เศรษฐินีอันดับหนึ่งของประเทศหลง ขอโทษตัวเอง?

ยังเรียก เย่อู๋เทียน………

พี่เขย?

เย่อู๋เทียน เป็นพี่เขยของเศรษฐินีอันดับหนึ่งของประเทศหลง

กิริยาที่เย่อู๋เทียนปฏิบัติต่อเสิ่นจูนอี๋ ยังคงเย็นเยือกดั่งน้ำแข็ง

“ไม่ต้องมาเกะกะลูกตาแถวนี้ ไปเตรียมน้ำชา ศิษย์น้องของฉันจะคัดลอกตัวอักษรที่อยู่บนพื้น เธอมาต้อนรับพวกเขาดีๆหน่อย!”

เวลานี้เสิ่นจูนอี้เพิ่งจะสังเกตเห็นโจวไป๋เซิงหรือท่านโจว

หนังตากระตุกไปสองที

โจวไป๋เซิง……….

กลายเป็นศิษย์น้องของเย่อู๋เทียนตั้งแต่เมื่อไหร่?

ครั้งที่แล้วที่ไปร่วมงานใหญ่ในเมืองหลวง ตัวเองนั้นเห็นกับตา ฝ่าบาทได้หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าตัวแทนวรรณกรรมอย่างโจวไป๋เซิง

ชายชราทั้งสองคนคุยกันอย่างมีความสุข

ว่ากันว่า ป้ายตัวอักษร “กั๋ว-ไท้-หมิง-อัน(บ้านเมืองสงบ ประชาร่มเย็น)”ที่อยู่ในห้องทำงานของฝ่าบาทนั้น โจวไป๋เซิงเป็นคนเขียนตัวเอง

ในปีที่แล้ว ตัวเองไปขอให้โจวไป๋เซิงเขียนคำว่า เย่ เสิ่น ตัวอักษรของบริษัททั้งสองตระกูล ปรากฏว่าแม้แต่หน้าของท่านโจวก็ยังไม่ได้เห็นเลย

ไม่ว่าจะให้เงินมากขนาดนั้น กฎก็คือไม่เขียนให้กับ บริษัท ห้าง ร้าน

ตอนนี้ เย่อู๋เทียนกลับเรียกโจวไป๋เซิงว่าศิษย์น้อง?

เพียงแต่ว่าเมื่อมาคิดถึงภาพที่ฝ่าบาทยื่นบุหรี่ให้กับเย่อู๋เทียน ยังมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีก?

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เสิ่นจูนอี๋ก็รีบตบฝุ่นที่ติดอยู่บนถุงน่อง

“ได้ ฉันจะไปเตรียมน้ำและน้ำชา พี่เขยก็อย่าโกรธเลยนะ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสิ่นจูนอี๋ก็ถามโจวไป๋เซิงไปหนึ่งคำ

“ท่านโจว ท่านชอบดื่มชาอะไรคะ?”

โจวไป๋เซิงตอบไปอย่างนั้น

“แล้วแต่เลย”

ในเวลานี้ โจวไป๋เซิงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอื่น

ได้สวมแว่นที่เก่ามัว กำลังคลานบนพื้น เพื่อสำรวจรายละเอียดสี่ตัวอักษรที่อยู่บนพื้นอย่างละเอียด

“เหวินเต้า รีบใช้อุปกรณ์ล้อมรอบสี่ตัวอักษรนี้เอาไว้! อย่าให้โดนลมเด็ดขาด!”

“ยังมีอีก เอาพู่กันเบอร์ใหญ่ที่ทำจากขนหูของวัวมาให้ฉัน แผ่นคัดลอก กระดาษฟาง ล้วนเอาขนาดที่ใหญ่ที่สุดมา!”

“ลายมือของฝ่าบาท ก้าวล้ำกว่าเมื่อก่อนไปอีกขึ้นแล้ว ยังใช้กิ่งไม้เขียนอีกด้วย แข็งแกร่งและทรงพลัง โดยไม่สูญเสียความองอาจ และความโอบอ้อมอารี! "

“มันสุดยอดมาก!”

เสิ่นจูนอี๋ที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดเหล่านี้ของโจวไป๋เซิง หัวใจเกือบจะหยุดเต้นไปแล้ว

“สถาบันเจิ้นกั๋ว” อักษรสี่ตัวบนพื้นนี้

เป็นฝีมือของชายชราคนนั้น?

มันคือเรื่องจริงหรือเปล่า ต้องฝันไปแน่ๆเลย!

ต่อให้เย่อู๋เทียนเป็นลูกหลานตระกูลเย่ในเมืองเจียงไห่ ชายชราคนนั้นก็ไม่มีทางที่จะให้เกียรติเขาขนาดนี้มั้ง?

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

ในขณะนี้ มือถือของเย่อู๋เทียนก็ดังขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ