จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 380

พอขึ้นรถเสร็จ เทียนขุยขับรถออกจากบ้านเจี่ย

เทียนขุยนั่งอยู่บนรถ หันไปมองโผ้จวินที่อยู่ด้านหลังพลางถาม “โผ้จวิน ทำไมคุณถึงรู้ว่าเรื่องที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงล่ะ?”

ฟางเหยียนยิ้มน้อยๆตอบว่า “ง่ายมาก คฤหาสน์บ้านเจี่ยซื้อที่นี่ ทำให้คนเกิดสงสัย เขาไม่ร้อนเงิน ทำไมต้องซื้อที่ทุรกันดารขนาดนี้? เขาไปอยู่ที่ดีกว่านี้ได้ แถมการตกแต่งของที่นี่ก็ไม่เหมือนที่อื่น ทิศทั้งแปดจัดวางมังกรแปดตัวสะกดไว้ มองแวบเดียวก็รู้เลยว่าจัดวางมาหลายสิบปีแล้ว คราวนี้มาพูดเรื่องเจี่ยเกิงจื่อดีกว่า ที่ห้อยคอไว้เป็นพระหยกที่ผ่านการทำพิธีมา ที่ห้อยมือไว้ก็ประคำที่ผ่านการทำพิธีมาอีก เห็นได้ชัดว่ามีปรมาจารย์ทำพิธีให้ ตัวคนเดียว เชื่อด้านนี้น่ะได้ แต่ถ้าเชื่อถึงขนาดนี้ มันดูโอเวอร์ไปหน่อยแล้ว อีกจุดคือที่ที่ลูกชายเขานอนอยู่ มันเป็นตำแหน่งหยางขั้นสุด ถ้าจะไปหาที่แบบนี้ด้านนอกนะ ยากซะยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์อีก แต่ในบ้านเขากลับมีที่แบบนี้ แค่ดูก็สงสัยแล้ว ดังนั้นฉันเลยแน่ใจว่าเจี่ยเกิงจื่อต้องเป็นเถ้าแก่คนที่สามที่นายพูดถึงแน่ และตอนนั้นเขาเอาของสิ่งนั้นไป รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญคอยชี้แนะทั้งหมดอยู่เบื้องหลังนี่ให้เขาด้วย!”

เทียนขุยพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเลื่อมใสในคำพูดของฟางเหยียนมาก แค่เนื้อหากระเซ็นกระสายแค่นี้ก็สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ละเอียดขนาดนี้ เหมือนตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นเลยจริงๆ

แต่ถ้าเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ ก็คงไม่ได้รับการยกย่องให้เป็นดวงจอมพลห้าดาวเพียงคนเดียวของประเทศหวาหรอก สาเหตุที่เขาสามารถยืนหนึ่งเป็นราชาได้ นอกจากฝีมือต่อสู้ฉกาจไร้เทียมทานแล้ว ยังเกี่ยวพันถึงมันสมองอัจฉริยะของเขาด้วย

เมื่อก่อนตอนวิเคราะห์ภูมิประเทศในสนามรบ เขามักจะวิเคราะห์ถึงข้อได้เปรียบเสมอ ต่อให้เขาพูดดูไม่มีเหตุผลยังไง ดูเป็นไปไม่ได้ยังไง แต่พอทำตามที่เขาบอก รับรองไม่มีผิด!

ในหัวใจของเทียนขุย ฟางเหยียนคือผลรวมร่างของจูเก่อว่อหลงกับเสี้ยงหยู่!

เทียนขุยไม่ได้พูดอะไรอีก เขาได้แต่ส่งสายตาเลื่อมใสไปให้ฟางเหยียนที่นั่งด้านหลังผ่านทางกระจกหลัง

ฟางเหยียนหยิบมุกเทพเม็ดนั้นออกมาวางบนมืออย่างมั่นคง และเริ่มพินิจพิเคราะห์มันอย่างตั้งใจ

เทียนขุยมองเห็นภาพฟางเหยียนจ้องมุกเทพเม็ดนั้นอย่างจริงจังผ่านทางกระจกหลัง เขาเองก็ไม่กล้าขัดจังหวะ

ผ่านไปราวห้านาที เทียนขุยถึงถามขึ้นว่า “โผ้จวิน มุกเทพนี่พวกเราจะเอาไปฝังดินหรอครับ?”

ฟางเหยียนพยักหน้ารับพลางว่า “ใช่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้! ต้องหาเวลาเหมาะๆก่อนค่อยฝัง”

ที่จริงตอนฟางเหยียนได้รับสืบทอดจากตาแก่นั่นถึงรู้ว่า สิ่งที่ตนเข้าใจเป็นคนโบราณประเทศหวาเหลือทิ้งไว้ให้ ตอนนั้นตาแก่จะถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้เขา เขานึกว่าใช้ได้แค่ในสนามรบ ไม่คิดว่าพอกลับมาบ้านยังใช้ได้ด้วย ตาแก่นั่นเป็นใครกันแน่นะ? ทำไมถึงมีวิทยายุทธ์ครบถ้วนแบบนี้ได้?

อีกอย่าง ทำไมเขาถึงถ่ายทอดต่อให้ตนล่ะ? หรือว่าถ่ายทอดจิตสำนึกตัวเองให้กับตน?

ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาได้รับสืบทอดมาแล้ว ต่อให้เป็นแค่ส่วนน้อย แต่ก็เพียงพอแสดงออกว่าภูมิปัญญาของคนโบราณประเทศหวาไม่ใช่อะไรที่เทคโนโลยีสมัยใหม่จะตามทันได้เลย

คนโบราณประเทศหวาแข็งแกร่งแค่ไหน คนตอนนี้ไม่รู้เลยสักนิดในบางด้านแล้ว มนุษย์ไม่ได้พัฒนาต่อ ตรงกันข้ามกลับล้าหลังลงไปเรื่อยๆ!

เทียบกับคนโบราณแล้ว ความคิดคนสมัยใหม่ล้าหลังกว่าเยอะมากเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ