เห็นได้ชัดว่า ฟางจินหยวนกำลังหลอกตัวเอง พอความคิดนี้ออกมา ก็โดนเขาสลัดมันทิ้งไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียวแล้ว
ขวังซือ ซึ่งเป็นสัตว์คุ้มครองในตำนานของตระกูลฟางจะต้านทานศัตรูไหวไหม?
เขาเองก็ไม่แน่ใจ
หน้าที่ของขวังซือไม่ใช่ปกป้องคุ้มครองตระกูลฟาง แต่เป็นคุ้มครองเจ้าตระกูลฟาง! ขวังซือทำเพียงแค่ให้แน่ใจว่าฟางจินหยวนไม่ตายเท่านั้น คนอื่นไม่ต้องสนใจเลย ดังนั้นนี่เก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงออกจากห้องประชุมโดยลำพัง เพราะต้องการรักษารากฐานสุดท้ายของตระกูลฟางเอาไว้
พอเห็นคนตระกูลฟางค่อยๆล้มลงทีละคน จิตใจฟางจินหยวนเหมือนตกลงไปในเหวลึก เขาร่นถอยหลังหลายก้าวจนพิงกำแพง ทั่วทั้งร่างสั่นเทา ปากบ่นพึมพำว่า “หรือว่าตระกูลฟางจะมาถึงวันล่มสลายแล้วจริงหรือ?”
เขาไม่ได้สั่นเทาด้วยความกลัว แต่เป็นไม่ยอมรับ เพราะไม่ยอมรับถึงได้สั่นเทา!
เขาไม่กลัวความตาย เพียงแต่กลัวว่าตายไปแล้วไม่มีหน้าไปพบบรรพชนก็เท่านั้น!
มีเสียงร้องคำรามออกมาไม่หยุดจากเรือนตะวันตกของตระกูลฟาง ประหนึ่งสัตว์ป่าตื่นจากหลับใหล
ฟางจินหยวนไม่ได้รู้สึกดีใจเลยที่ได้ยินเสียงร้องคำรามจากเรือนตะวันตก ตรงกันข้ามกลับเคร่งเครียดหนักกว่าเดิม
ขวังซือเห็นฉากนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ยังไม่ลงมือ ได้แต่เฝ้ามองฉากเลือดสาดนี่อย่างสงบนิ่ง ฟางจินหยวนรู้ดี ขอเพียงเขาไม่เป็นอะไร ต่อให้ตระกูลฟางถูกฆ่าล้างตระกูล ขวังซือก็จะไม่ออกมา
คนตระกูลฟางมากมายที่ออกมาจากห้องประชุม พอเห็นฉากโศกนาฏกรรมเลือดสาดนี่ ส่วนใหญ่ล้มลงไปทำท่าโอ๊กอ๊ากอยู่กับพื้นทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เคยเจอฉากเลือดสาดแบบนี้มาก่อน ทุกๆที่ที่สายตาพวกเขากวาดไปถึง คนไม่น้อยนอนกลางกองเลือด ซากศพทับถมกันราวภูเขา เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ เสียงร้องโหยหวนไปทั่วฟ้า
อนาถ!
คำว่าอนาถแค่คำเดียว ยากที่จะพรรณนาออกมาได้
เรียกได้ว่าเศร้าอนาถจนทนดูไม่ไหว!
ไม่โทษพวกเขาที่มีปฏิกิริยาแบบนี้ ต่อให้คนธรรมดามาเจอฉากนี้ คงแทบตกใจตายไปแล้ว และนี่พวกเขาเป็นคนในตระกูลสูล เคยเห็นฉากแบบนี้ที่ไหนกัน!
ผู้หญิงมากมายตกใจเป็นลมไปเลย ต่อให้เป็นผู้ชาย ตอนนี้ในใจเต้นรัวไม่เป็นส่ำด้วยความหวาดกลัวเหมือนกัน
พวกคนที่มาฆ่าล้างตระกูลฟางไม่มาก แค่สิบคน แต่ฝีมือการต่อสู้ที่สิบคนนี้แสดงออกมาไม่ด้อยไปกว่าสัตว์คุ้มครองในตำนานขวังซือเลย ทุกคนต่างรู้ดีว่า ตระกูลฟางนอกจากพวกผู้หญิงแล้ว ทุกคนล้วนฝึกยุทธ์ตั้งแต่เด็ก พวกเขารู้ดีว่ารังสีอำมหิตที่สิบคนนี้มีรวมถึงฝีมือเก่งกาจนี่ไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะเทียบได้เลย
ตงฟางหยุนเอ๋อร์ตกใจหน้าซีดเผือดไปนานแล้ว เธอจ้องมองฉากน่าสะพรึงกลัวนี่พลางบ่นพึมพำว่า “หรือว่าตระกูลฟางจะไม่รอดแล้วจริงๆ?”
ฟางไห่อิงถือว่าเข้มแข็งอยู่ ในตอนที่การ์ดวิ่งเข้าห้องประชุมด้วยร่างเปื้อนเลือดชุ่มโชกนั่น เธอก็เดาถึงภัยพิบัติที่ตระกูลฟางกำลังเผชิญได้แล้ว แต่ถึงจะทำใจไว้บ้างแล้ว พอมาเห็นฉากนี้ ทั่วทั้งร่างยังคงสั่นเทา เธอตกตะลึงจริงๆ
เหมือนมีดาบแขวนไว้เหนือหัวคนตระกูลฟาง พร้อมจะฟันลงมาฆ่าคนตระกูลฟางได้ทุกเมื่อ!
สำหรับตระกูลฟางแล้ว เรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติร้ายแรง!
ไม่เพียงแค่เธอ ขนาดเครือญาติสายตรงอย่างฟางไห่เซิง ฟางไห่ถาง รวมถึงฟางเหมี่ยวเป็นต้นต่างคิดแบบนี้เหมือนกัน
“พ่อ ให้ขวังซือออกมาเถอะ!” ฟางไห่เซิงหันไปตะโกนใส่ฟางจินหยวน
ไม่รู้ว่าฟางจินหยวนได้ยินไหม แต่คนทั้งสิบคนพร้อมใจกันหยุดมือ แทบเท้าพวกเขามีซากศพการ์ดตระกูลฟางเต็มไปหมด พวกเขาก้าวข้ามศพเหล่านั้นมาทางทุกคนด้วยสีหน้าแสยะยิ้ม
แทบในขณะเดียวกัน ผู้ชายตระกูลฟางพร้อมใจทำท่าทีราวเผชิญหน้าศัตรู เคร่งเครียดและระแวดระวัง พวกเขามองสิบคนนี้อย่างหวาดระแวง พร้อมลงมือทุกเมื่อ แต่ดูจากความสั่นเทาของร่างกายพวกเขาแล้ว ก็แค่การหลอกตัวเองเท่านั้นเอง
ผู้ฝึกยุทธ์ มองสบตาคู่ต่อสู้ถึงจะเป็นท่าทีที่ผู้ฝึกยุทธ์ควรมี แต่ตอนนี้แม้แต่ความกล้าในการสู้ก็ไม่มี
หวาดกลัว!
หวาดกลัวเข้ากระดูกดำ!
บนร่างสิบคนนี่ พวกเขารับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตมหาศาล รังสีอำมหิตของทั้งสิบคนนี้เทียบเท่ากับขวังซือตอนพลังเต็มเปี่ยมได้เลย ต่อให้วันนี้ฟางเหยียนมา ก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ