จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 634

สำหรับผู้ที่แข็งแกร่งระดับเช่นเธอนั้น ความสามารถที่รับรู้ความอันตรายล่วงหน้าได้ทำให้เธอมีชีวิตรอดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เคยผิดมาก่อน บนโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้เธอต้องรู้สึกหวาดกลัวกระส่ายกระสับได้ แม้กระทั่งตัวเธอเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน

หญิงหน้ากากพยัคฆ์ทราบอยู่ลึกๆ ว่าการที่นักเบญจธาตุถูกทำลายนั้นไม่ได้มาจากความบังเอิญ สามารถเอ่ยได้ว่าเป็นสิ่งที่จำต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว พวกเขารวมกันห้าคนสามารถปล่อยพลังการสู้รบที่รุนแรงออกมาได้ ทว่าหลังจากที่แยกกันอยู่ พละกำลังก็จะลดทอนลงอย่างมาก การที่ถูกสังหารนั้นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว

อีกทั้งเมื่อขาดคนทั้งห้าแห่งนักเบญจธาตุไปแล้ว ความสามารถในการสู้รบก็สูญเสียไปครึ่งหนึ่ง

เมื่อพูดถึงห้าคนในตอนนี้ นอกจากเธอแล้วก็ยังมีนินจาระดับปรมาจารย์อีกสองคน ที่เหลือสองคนล้วนเป็นนินจาระดับต้าชี่ ซึ่งรวมถึงหม่างเทียนด้วย ความสามารถลดทอนลง ทว่าผู้คนที่เหลืออยู่กลับเป็นผู้ที่มีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดในสิบคน

เมื่อนึกได้ว่ายังไม่เห็นแม้กระทั่งฟางเหยียนเลย ครั้นตนกลับสูญเสียกำลังในการรบไปเสียแล้ว เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห โดยเฉพาะเบื้องหน้ายังมีขวังซือที่มีความสามารถไม่ธรรมดากำลังจ้องเตรียมตะครุบทุกคนอยู่ สายตาคู่นั้นราวกับเป็นนกอินทรี จ้องเธอจนรู้สึกไม่สบายใจ!

จำต้องได้ขลุ่ยวิเศษมาครอบครองให้ได้ อีกทั้งตระกูลฟางก็จำต้องชดใช้ด้วยเลือด!

ก่อนหน้าที่ยังไม่ได้พบกับขวังซือ หม่างเทียนเข่นฆ่าผู้อื่นมาตลอดทาง จิตใจฮึกเหิม ทว่าหลังจากที่ขวังซือปรากฏตัวออกมาแล้วนั้น ตนเองรู้สึกกระอักกระอ่วนครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มลองรสชาติความล้มเหลวแห่งความพ่ายแพ้ ดังประโยคที่ว่า: ก่อนหน้านี้เข่นฆ่าสะใจเพียงใด หลังจากนี้ก็จะซาดิสม์ขึ้นเท่านั้น!

เมื่อขวังซือปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็พ่ายแพ้จนราบคาบ ไม่เพียงเท่านี้ ยังเกือบจะสูญเสียชีวิตน้อยๆ ของตนเองไปอีก

มีความคับแค้นใจอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้อยู่แต่กลับแก้แค้นไม่ได้ เขายังคือหม่านเทียนอยู่หรือไม่?

สมแล้วหรือกับชื่ออันน่าเกรงขามที่พ่อแม่ตั้งให้?

สู้รบกับขวังซือไม่ได้ ครั้นการสังหารคนของตระกูลฟางธรรมดาสองสามคนนั้นก็คงเป็นเรื่องที่ง่ายดายชัดๆ ง่ายราวกับหั่นผักหั่นปลา!

ช่วงเวลาที่ได้ยินคำสั่ง หม่างเทียนได้กำหมัดชูขึ้นเตรียมพร้อมที่จะสู้รบเสียจนอดใจไม่ไหวแล้ว เนื่องจากอันดับแรกคือ ชีวิตของตนแขวนอยู่บนเส้นด้าย และเนื่องด้วยนักเบญจธาตุถูกทำลาย เขาโมโหจนทนไม่ไหวตั้งนานแล้ว หากมิใช่เพราะเขาไม่สามารถที่จะทำอันใดตามใจชอบได้นั้น เขาแทบต้องการเข่นฆ่าคนของตระกูลฟางเพื่อระบายความเกลียดชังเต็มทนแล้ว แม้นว่าขวังซือจะแข็งแกร่งมาก ทว่าหญิงหน้ากากพยัคฆ์ก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน!

“เทพธิดา ไม่ต้องห่วง แค้นใหม่แค้นเก่าคิดบัญชีพร้อมกัน หากคนตระกูลฟางไม่สิ้นชีพไปเสีย กระผมขอปลิดชีวิตตัวเอง!” หม่างเทียนทำท่าวันทยหัตถ์ตัวตรงเอ่ยคำสัตย์สาบาน หญิงหน้ากากพยัคฆ์พยักหน้าเบาๆ เท่านั้น หม่างเทียนกลับหลังหันพร้อมมองไปยังผู้คนตระกูลฟาง บนใบหน้าผุดรอยยิ้มอันเยือกเย็นขึ้นมา แลดูน่ากลัวและแปลกประหลาดยิ่ง “การสังหารหมู่เริ่มต้น ณ บัดนี้!”

แม้นว่าจะเป็นครอบครัวตระกูลฟางที่มีผู้คุ้มครองไร้ซึ่งความกงวลใดๆ ทว่าเมื่อมองเห็นหม่างเทียนรวมไปถึงหญิงสาวอีกคนล้อมเข้ามานั้น สีหน้าของพวกเขาก็ดูย่ำแย่จนถึงที่สุด ความหวาดกลัวทันใดนั้นก็ได้ผุดขึ้นมาภายในใจของทุกคน

แม้กระทั่งฟางจินหยวนในเวลานี้เองก็มีสีหน้าเฉกเช่นพวกเขาเหมือนกัน ทว่าเขาทราบดีว่า บัดนี้ตระกูลฟางได้อยู่ในช่วงวิกฤตชี้เป็นชี้ตาย อีกทั้งขอเพียงแต่ฝ่าฟันผ่านไปได้ ตระกูลฟางก็จะได้รับการพัฒนาจนถึงจุดสุดยอดระลอกใหม่เป็นแน่ แต่หากผลเป็นไปในตรงกันข้าม ตระกูลฟางก็จะสูญสลายหายไปในช่วงเวลาที่ประวัติศาสตร์พัฒนาโดยสิ้นเชิง

ไม่สามารถถอนตัวได้เลย!

ฟางจินหยวนตะโกนขึ้นเสียงดังทันที “ชายฉกรรจ์ของตระกูลฟางออกมาให้หมด รับมือกับศัตรู ต่อให้ตายก็ห้ามถอย!”

ใช่แล้ว!

อันที่จริงไม่จำเป็นต้องให้ฟางจินหยวนเอ่ยเตือนทุกคน ตระกูลฟางไม่ขาดแคลนชายหนุ่มที่มีจิตใจฮึกเหิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะตอนนี้ที่ไม่มีบ้านเรือนตัวเองแล้ว ผู้ใดจะกล้าหดหัวอยู่ในกระดองราวกับเต่าได้ ผู้คนทั้งหลายต่างก็ทราบดีว่า ขอเพียงรับประกันว่าตระกูลฟางจะไม่ดับสิ้นไป พวกเขาก็จะมีโอกาสที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งได้ไม่มากก็น้อย ทว่าหากตระกูลฟางถูกทำลายจนดับสิ้นไป ทุกสรรพสิ่งก็จะแตกสลายไปด้วย และจะไม่มีวันที่สามารถพลิกฟื้นชีวิตกลับมาได้ตลอดไป!

“รับมือกับศัตรู ต่อให้ตายก็จะไม่ยอมถอย!”

“รับมือกับศัตรู ต่อให้ตายก็จะไม่ยอมถอย!”

“……”

ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงตะโกนคำขวัญดังสนั่นกึกก้องทั่วท้องนภา ชายหนุ่มของตระกูลฟางทั้งหมดต่างก็ลุกขึ้นมา ต่อให้เป็นการเอาชีวิตเข้าไปแลกก็จะมิยอมถอยหลังกลับเด็ดขาด ตระกูลฟางเป็นที่พึ่งพิงสุดท้ายของพวกเขา มีบ้านถึงจะมีครอบครัว

เป็นที่ทราบกันดีว่า ฟางเหมี่ยวไม่มีนิสัยชอบเรียนรู้วรยุทธ ทว่าเขาลุกขึ้นมาเป็นคนแรกอยู่ดี กำหมัดแน่น สายตามีความเกรี้ยวกราด เขาจ้องมองไปยังหม่างเทียนและอีกคนอย่างดุดัน

หนึ่งคน สองคน สามคน...ชายฉกรรจ์แห่งตระกูลฟางลุกขึ้นมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพนี้ งดงามยิ่งนัก ผู้ได้เห็นจำต้องตราตรึงใจ ส่วนเหล่าสตรีก็ถูกพวกเขาปกป้องไว้อยู่ข้างหลัง ความตื่นกลัวบนใบหน้าถูกแทนที่ด้วยความเป็นกังวลใจแทนแล้ว มีเพียงความเป็นกังวลใจเต็มไปหมด

ตราบใดที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันก็สามารถแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาได้ สามัคคีคือพลัง แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ไม่มีปัญหาใดที่จัดการไม่ได้!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ