จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ภาคสามบทที่่250 แดนมิคสัญญีเก้าหยิน!!

sprite

หลังการปะทะครั้งสุดท้าย ก่อนสติสัมปชัญญะจ้าวเทียนจะดับวูบลง เขาก็รู้สึกเหมือนร่างกายตนเองถูกฉีกกระชากโดยขุมพลังมหาศาลจนแทบจะแตกออกเสี่ยงๆ

ทั้งตัวเขาและราชันเทพมารอเวจีถูกดึงดูดเข้าสู่หลุมดำขนาดยักษ์ ซึ่งเกิดจากการพังทลายของกำแพงเอกภพและความบิดเบี้ยวของห้วงมิติเวลาอันเป็นอนันต์

‘ หืม…นี่ฉันอยู่ที่ไหน ’

เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ขณะพยายามกระตุ้นเคล็ดกายาอมตะเพื่อฟื้นฟูร่างกาย จ้าวเทียนก็มองสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยความแปลกใจ เพราะตอนนี้เขากำลังลอยอยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเทาซึ่งเต็มไปด้วยหมอกควันสีแดงไร้จุดสิ้นสุด

ไร้ซึ่งกาลเวลา! ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์! ไร้ซึ่งกลิ่นอายแห่งชีวิต! สถานที่แห่งนี้ ราวกับเป็นดินแดนที่ตายไปแล้วไม่มีผิด

ทว่า พริบตาที่จ้าวเทียนคิดปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณกวาดออกไปเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ มันก็ได้ถูกผนึกโดยสนามพลังรูปโดมครึ่งวงกลมสีดำ พร้อมกับมีรังสีง้าวอันดุดันฉีกกระชากความว่างเปล่าฟาดฟันเข้าใส่ด้านหลังศีรษะเขาทันที

เปรี้ยงง!ๆๆๆๆ ตูมมม!

มองเห็นกระบี่ราชันสวรรค์และง้าวจักรพรรดิมารทมิฬปะทะกันอย่างถี่ยิบ ก่อนที่เงาร่างสองสายจะแยกออกจากกันไปยืนคุมเชิงอยู่คนละด้าน โดยที่ผลกระทบจากการต่อสู้ทั้งหมด ได้ถูกอำนาจของสนามพลังสีดำรูปครึ่งวงกลมสกัดกั้นไว้ไม่ให้หลุดออกไปสู่โลกภายนอก

“ หากเจ้าคิดจะรนหาที่ตาย ก็อย่ามาลากข้าไปด้วย ” ราชันเทพมารอเวจีพูดเสียงเย็นชา ขณะกำลังกวาดสายตาไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง ราวกับจะมีบางสิ่งบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวโผล่ออกมาก็มิปาน

“ รนหาที่ตาย? งั้นแกก็รู้สินะ ว่าที่นี่คือที่ไหน ” จ้าวเทียนเข้าใจทันที ว่าอีกฝ่ายหมายถึงการที่เขาปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณก่อนหน้านี้

“ เหอะ…เป็นถึงผู้สืบทอดของซวนตี้เหยียน กระทั่งแดนมิคสัญญีเก้าหยินในห้วงมิติโกลาหลก็ยังไม่รู้จักงั้นรึ ”

ราชันเทพมารอเวจีแค่นเสียงอย่างดูถูก ทำให้จ้าวเทียนที่ได้ยินขมวดคิ้วขึ้นทันที เพราะเขารู้สึกเหมือนจะเคยได้ยินคำนี้มาก่อน ไม่ใช่จากความทรงจำในช่วงชีวิตของมหาเทพตี้เทียน แต่มันคือความทรงจำที่ได้รับถ่ายทอดมาจากจักรพรรดินีปิงเยว่

เพียงแต่ปริมาณข้อมูล ในผลึกความทรงจำตลอดนับพันล้านปีของจักรพรรดินีปิงเยว่มีจำนวนมหาศาลมาก จ้าวเทียนจึงต้องใช้เวลาซักพักถึงจะขุดคุ้ยอะไรออกมาได้

‘ แดนมิคสัญญีเก้าหยิน…หรือจะเป็นสุสานหมื่นเอกภพที่ผู้ปกครองซวนตี้เหยียนเคยกล่าวถึง ในช่วงเวลาที่ออกไปสำรวจพื้นที่ภายนอกจักรวาลเป็นครั้งแรก ’

ต้องบอกเลยว่า ก่อนที่สามผู้ปกครองเอกภพจะจากไปนั้น ได้มีการส่งเหล่าผู้แข็งแกร่งในตระกูลเหยียนและอีกสองตระกูลที่เหลือออกไปสำรวจห้วงมิติโกลาหลเป็นการลับ

ทั้งยังมีข้อมูลสำคัญบางส่วน ที่ได้รับมาจากการค้นวิญญาณสายลับต่างจักรวาลที่จับมาได้ ทำให้ได้รู้ถึงข้อจำกัดต่างๆรวมไปถึงอาณาเขตต้องห้ามทั้งหมด

ซึ่งแดนมิคสัญญีเก้าหยิน ได้ถูกจัดไว้เป็นอันดับแรกของสถานที่ที่ไม่ควรล่วงล้ำที่สุด เพราะกระทั่งตัวตนระดับผู้ปกครองเอกภพแห่งจักรวาลระดับสูงเอง หากหลงเข้าไปก็มีโอกาสเก้าตายหนึ่งรอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่มาจากจักรวาลระดับต่ำหรือระดับกลางเลย

เดิมทีจ้าวเทียนก็พอคาดเดาได้ ว่าปลายทางของหลุมดำที่เกิดจากการระเบิดอย่างรุนแรงของกำแพงเอกภพคงจะส่งพวกเขาออกมาไกลมาก แต่ก็ไม่นึกว่ามันจะถึงขั้นทะลุมาอีกด้านของดินแดนแห่งชีวิตและความตายเลยทีเดียว

เพราะหากเปรียบเทียบห้วงมิติโกลาหลเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ แล้วให้ดอกบัวที่ลอยสูงเหนือน้ำเป็นตัวแทนของจักรวาลระดับกลางและระดับสูงที่คงอยู่มาเนิ่นนาน ส่วนดอกบัวที่เพิ่งจะผลิบานโผล่พ้นผิวน้ำ ก็แทนจักรวาลระดับแรกเริ่มที่ถือกำเนิดใหม่

แดนมิคสัญญีเก้าหยิน ก็คือพื้นที่ลึกสุดใต้บึงน้ำที่เต็มไปด้วยเศษซากดอกบัวที่เหี่ยวเฉา หรือก็คือจักรวาลที่สิ้นอายุขัยตามธรรมชาติหรือดับสูญไปเพราะถูกทำลาย มีชะตากรรมเช่นเดียวกับซากบัวที่ต้องกลายเป็นอาหารให้กุ้งหอยปูปลาใช้ดำเนินชีวิต

ซึ่งความน่ากลัวที่แท้จริงของแดนมิคสัญญีเก้าหยิน ก็อยู่ตรงที่บางสิ่งบางอย่างที่มีหน้าที่กำจัดเศษซากจักรวาลที่พังทลายเช่นเดียวกับกุ้งหอยปูปลาที่กัดกินเศษซากดอกบัวนี่เอง

‘ จากข้อมูลที่ผู้ปกครองซวนตี้เหยียนรวบรวมมา เมื่อจักรวาลถูกทำลายโดยผู้แข็งแกร่งก่อนสิ้นอายุขัยและร่วงหล่นลงมาสู่แดนมิคสัญญีเก้าหยิน ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า’

ดวงวิญญาณแค้นของสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่สูญสิ้นไป จะถูกดึงดูดเข้าหากันแล้วหลอมรวมถือกำเนิดเป็นตัวตนใหม่ ที่เต็มไปด้วยความกระหายในการกลืนกินสรรพสิ่ง ’

ยิ่งจ้าวเทียนสืบค้นความทรงจำของจักรพรรดินีปิงเยว่เท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ยิ่งหมองคล้ำลงเท่านั้น เพราะศัตรูในครั้งนี้คืออสูรร้ายที่คงอยู่มานานหลายแสนล้านปีหรืออาจจะเป็นล้านล้านปีเลยด้วยซ้ำ

ต่อให้แรกเริ่มเดิมทีพวกมันจะไม่ค่อยแข็งแกร่งนัก แต่เมื่อผ่านกาลเวลายาวนานและได้กลืนเศษซากจักรวาลที่ร่วงหล่นลงมานับไม่ถ้วน รวมไปถึงกลืนกินกันเองเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ในปัจจุบันนี้ก็ไม่รู้ว่ามีตัวตนที่อยู่เหนือขอบเขตจักรพรรดิเทพมากมายเท่าไหร่

โดยเฉพาะตัวสูงสุดทั้งเก้าที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับห้วงมิติโกลาหล และได้ชื่อว่าเป็นผู้ปกครองแท้จริงแห่งแดนมิคสัญญีเก้าหยิน

“ เก้าทารก… ”

จ้าวเทียนเหมือนถูกสิ่งลี้ลับบางอย่างล่อลวงให้พูดคำหนึ่งออกมา แต่ก็สามารถเจตจำนงอันแข็งแกร่งหยุดไว้ได้ทัน เพราะเขาจำได้ว่านี่คือนามต้องห้ามในสถานที่แห่งนี้ หากเผลอเอ่ยออกไปก็จะเป็นการเรียกเจ้าสิ่งนั้นปรากฏตัวขึ้นทันที

“ ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจสถานการณ์แล้วสินะ พวกเรามาทำข้อตกลงกันเถอะ หากต้องการหลบออกไปจากสถานที่บัดซบนี่ เจ้ากับข้าก็ต้องร่วมมือกันเท่านั้น ”

ราชันเทพมารอเวจีพูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร ขอเพียงมีผลประโยชน์ร่วมกันต่อให้อีกฝ่ายมีความแค้นสังหารบิดามารดา เพื่อเอาชีวิตรอดเขาก็สามารถปล่อยวางได้ชั่วคราว

” จ้าวเทียนจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยแววตาเฉียบคม เขารู้ดีว่านี่ก็ไม่ต่างไปจากการอยู่ร่วมกับอสรพิษร้ายที่พร้อมจะแว้งกัดตนเองตลอดเวลา

สุดท้าย หลังใช้วิธีกล่าวคำสาบานด้วยจิตวิญญาณตามข้อตกลงเสร็จสิ้น ทั้งสองฝ่ายก็เลือกพักรบกันชั่วคราวแล้วแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

โดยปกติแล้ว เส้นแบ่งระหว่างด้านสว่างกับด้านมืดของห้วงมิติโกลาหล จะมีช่องว่างแห่งกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ถูกห่อหุ้มด้วยม่านพลังอันแข็งแกร่งนับล้านล้านชั้น ซึ่งสิ่งนี้คงอยู่มาตั้งแต่ช่วงเวลาแห่งความเป็นอนันต์และไม่มีวันถูกทำลายได้

ที่กำแพงขวางกั้นแดนมิคสัญญีเก้าหยินจะอ่อนแอลงในช่วงเวลาสั้นๆ นั่นก็คือตำแหน่งที่มีจักรวาลแห่งใหม่ถือกำเนิดขึ้น หรือมีเศษซากจักรวาลแห่งเก่าร่วงหล่นลงมา ”

พูดจบ ราชันเทพมารอเวจีก็แสร้งกวาดตามองไปรอบๆเล็กน้อย ก่อนจะชี้คมง้าวไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว ราวกับการหาพิกัดที่พวกเขาต้องการไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นแต่อย่างใด

“ ……….. ”

กับท่าทางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของราชันเทพมารอเวจี เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายจะต้องปิดบังอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน

ขอบเขตภายในหมอกสีแดงที่พวกเขามองเห็นก็ควรเป็นเพียงพื้นที่แคบๆเท่านั้น

เป็นอะไร นึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วรึ ถ้าเช่นนั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ ข้าจะเป็นฝ่ายเปิดทางให้เอง ส่วนเจ้าก็ยืนรออยู่ตรงนี้แล้วกัน

ราชันเทพมารอเวจีเจตนาพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจ้าวเทียน แต่น่าเสียดายที่มันกลับไร้ผล เพราะสิ่งที่ได้กลับมาเป็นเพียงสายตาอันเย็นชาของเขาเท่านั้น

จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ZigFheZ ภาคสามบทที่่250 แดนมิคสัญญีเก้าหยิน!! ออนไลน์ฟรี

นวนิยาย จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ZigFheZ ภาคสามบทที่่250 แดนมิคสัญญีเก้าหยิน!! ได้อัปเดตบทใหม่พร้อมเนื้อหาใหม่มากมาย ที่ ภาคสามบทที่่250 แดนมิคสัญญีเก้าหยิน!! จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน คนที่น่าสังเวชสองคนนี้ถูกปฏิเสธโดยทั้งสังคม แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องอย่างมากในด้านรูปลักษณ์และความเป็นมนุษย์ ZigFheZ คิดว่าพวกเขาเป็นชิ้นส่วนที่สมบูรณ์แบบสำหรับกันและกัน ติดตาม จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นวนิยาย ภาคสามบทที่่250 แดนมิคสัญญีเก้าหยิน!! ได้ที่เว็บไซต์ th.readeraz.com

จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ภาคสามบทที่่250 แดนมิคสัญญีเก้าหยิน!!

{ {.bookTitle}} นวนิยาย ภาคสามบทที่่250 แดนมิคสัญญีเก้าหยิน!!