จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ภาคสามบทที่่251 เทพบรรพชนต้นไม้เอกภพ!!

ณ ดินแดนแห่งความตายที่ไร้ซึ่งกลิ่นอายแห่งชีวิต ทั้งผืนปฐพีและท้องนภาล้วนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีแดงฉานราวกับตกอยู่ท่ามกลางทะเลโลหิตไร้จุดสิ้นสุด
ฉัวะ!ๆๆๆ ครืนนน!
เมื่อจ้าวเทียนเห็นซากศพอสูรตะขาบสีแดงขนาดยักษ์ ถูกพยุหะค่ายกลกระบี่ฟันขาดเป็นชิ้นๆร่วงหล่นลงพื้น เขาก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ที่การต่อสู้เมื่อครู่นี้ไม่ได้ดึงดูดศัตรูกลุ่มใหม่เข้ามาตามที่กังวลอยู่
เพราะยิ่งทั้งสองเข้าใกล้จุดหมายปลายทางมากขึ้นเท่าไหร่ ทั้งความแข็งแกร่งและความถี่ในการพบเจออสูรหยินที่หลบซ่อนในหมอกแดงก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น เลยต้องสิ้นเปลืองทั้งเวลาและเรี่ยวแรงมากกว่าเดิม
ซึ่งเหตุผลที่มันเป็นแบบนี้ ก็คงเป็นเพราะอสูรหยินในพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมด ได้ถูกการร่วงหล่นของซากจักรวาลดึงดูดให้มารวมตัวกัน เพื่อแก่งแย่งช่วงชิงมื้ออาหารอันโอชะที่หลายล้านปีจะเกิดขึ้นซักครั้งหนึ่ง
วูป!
ร่างกายจ้าวเทียนเริ่มปลดปล่อยเปลวเพลิงสีทอง ขจัดพิษคำสาบตกค้างจากการต่อสู้ออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้เคล็ดกายาอมตะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บทั้งหมด
“ บัดซบ! ถ้าเป็นเช่นนี้กว่าพวกเราจะไปถึงจุดหมาย คงผ่านการต่อสู้ไม่จบไม่สิ้นจนกลายเป็นอาหารพวกมันซักตัวแน่ เห็นทีจะต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่ ”
ราชันเทพมารอเวจีพูดขึ้นด้วยท่าทีเคร่งเครียด ก่อนจะเก็บง้าวจักรพรรดิมารทมิฬเข้าไปในร่างกาย แล้วเดินตรงมาหาจ้าวเทียนโดยทิ้งซากศพอสรพิษยักษ์สามเขาไว้เบื้องหลัง
“ จากที่ข้าสัมผัสได้ ปัญหาน่าจะมาจากกลิ่นอายหยางบริสุทธิ์ในตัวเจ้าดึงดูดศัตรูมากเกินไป เมื่ออยู่ภายในดินแดนหยินแห่งความตายเช่นนี้ มันก็คล้ายกับเปลวไฟท่ามกลางความมืดไม่มีผิด ”
“ ลองบอกวิธีของแกมาสิ ” จ้าวเทียนถามกลับไปสั้นๆ เขาเองก็มองออกเช่นกัน ว่าส่วนใหญ่อสูรหยินที่ปรากฏตัวช่วงหลังๆ ล้วนกำหนดเป้าหมายมาที่ตนเองก่อนแทบทั้งสิ้น
ดังนั้น สิ่งแรกที่จ้าวเทียนสมควรทำเป็นอย่างแรก ก็คือการรีบแก้ไขปัญหาข้อนี้โดยเร็วที่สุด ถ้าไม่อยากถูกฝูงอสูรร้ายรุมฉีกทึ้งจนตายแล้วกลายเป็นอาหารของพวกมัน
“ วิธีของข้านั้นง่ายมาก ” ราชันเทพมารอเวจีฉีกยิ้มขึ้นอย่างเฉยชา ก่อนจะเปิดรอยแยกมิติขนาดเล็กที่กลางหน้าผาก ทำให้มองเห็นพระราชวังโครงกระดูกทมิฬปลดปล่อยออร่าอันน่าสะพรึงกลัวลอยเด่นอยู่ด้านใน
“ แค่ให้เจ้า เข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในนี้ก็พอแล้ว ”
!!
จ้าวเทียนรู้สึกเหมือนตนเองหูฝาดไป เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจอมมารที่ชั่วร้ายและเห็นแก่ตัวอย่างอีกฝ่าย จะกล้าเชื้อเชิญศัตรูอย่างเขาเข้าไปซ่อนตัวในพื้นที่จิตวิญญาณของตัวเอง
เพราะนี่คือพื้นที่ต้องห้ามและตำแหน่งอันเป็นจุดตายของผู้ฝึกตนทุกคน ถึงต่อให้ราชันเทพมารอเวจีจะสามารถฟื้นคืนชีพได้หลายครั้ง แต่ถ้าพระราชวังจิตวิญญาณถูกทำลาย ตัวมันก็ต้องเผชิญกับช่วงเวลาอันเลวร้ายแน่นอน
“ น่าสนใจดีนิ…ไม่กลัวฉันฉวยโอกาสนี้สังหารแกงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนถามย้ำขึ้น แล้วชี้คมกระบี่ไปที่จุดตายฝ่ายตรงข้าม สีหน้าของเขาดูจริงจังเป็นอย่างมาก
ต้องไม่ลืมว่า ที่นี่คือแดนมิคสัญญีเก้าหยินซึ่งปราศจากพลังงานแห่งกฎเกณฑ์คอยควบคุมบงการสรรพสิ่ง
ทำให้คำสาบานจิตวิญญาณ ส่งผลกระทบต่อตัวตนสูงสุดระดับจ้าวเทียนและราชันเทพมารอเวจีไม่มากนัก คล้ายกับเป็นเพียงหลักประกันอย่างหนึ่ง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมมือกันได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจเท่านั้น
“ เหอะ! ถ้าอยากรนหาที่ตายนักก็ลองดู แต่ขอเตือนไว้อย่างยิ่งเวลาผ่านไปจำนวนอสูรหยินที่มารวมตัวกันก็จะมากขึ้นกว่าเดิม หากไม่อยากถูกขังไว้ในแดนมิคสัญญีเก้าหยินอีกนับล้านปี ก็จงรีบตัดสินใจซะ ” ราชันเทพมารอเวจีแค่นเสียงเย็นชา
ก่อนจะส่งภาพนิมิตเข้าไปในสมองจ้าวเทียน ว่าอาณาเขตรอบๆตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่เต็มไปด้วยอสูรหยินมากมายขนาดไหน
“ ตกลง…ฉันจะเชื่อแก ”
แม้รู้ดีว่านี่คือแผนการของราชันเทพมารอเวจี แต่จ้าวเทียนก็มั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองเช่นเดียวกัน ขอเพียงอีกฝ่ายกล้าทำอะไรผิดสังเกตก็เตรียมโดนเผาเป็นจุลได้เลย
แวบ!
เมื่อเห็นร่างของจ้าวเทียน กลายเป็นลำแสงขนาดเล็กหายเข้าไปอยู่ในพระราชวังจิตวิญญาณเรียบร้อยแล้ว
ราชันเทพมารอเวจีก็ใช้อาคมสังเวยโลหิต ดูดกลืนซากศพของตะขาบเก้าเศียรและอสรพิษยักษ์สามเขาเข้าไป เพื่อปรับเปลี่ยนกายหยาบและดวงวิญญาณของตนเอง ให้มีต้นกำเนิดเดียวกับพวกอสูรหยิน ทำให้เส้นทางข้างหน้าดูราบรื่นขึ้นมาทันที
ครืนนน! วูป!
ในเวลาไม่กี่อึดใจ ร่างของราชันเทพมารอเวจีก็แตกสลายกลายเป็นกลุ่มก้อนหมอกสีดำรูปร่างเหมือนอสรพิษขนาดเล็ก หลบรอดการตรวจจับของเหล่าอสูรหยินนับร้อย โดยไม่ต้องเผชิญกับการต่อสู้แม้แต่ครั้งเดียว
“ พวกเราใกล้ถึงแล้ว… ”
เสียงของราชันเทพมารอเวจีดังขึ้นในความคิดจ้าวเทียน ก่อนที่ภาพหุบเหวลึกไร้จุดสิ้นสุดจะปรากฏขึ้นบนขอบฟ้า ซึ่งอาณาเขตและความใหญ่โตของมันได้ทิ้งเงามืดบดบังสรรพสิ่งไปแทบจนหมดสิ้น
วูป! ครืนนนนน!
“ สิ่งนี้คือ…การร่วงหล่นของจักรวาลงั้นเหรอ ”
จ้าวเทียนมองเห็นเนบิวลารูปดวงตาขนาดยักษ์สีทอง ที่มีเงาของมหาพฤกษาบรรพกาลต้นหนึ่งอยู่ภายใน กำลังถูกพลังอันมหาศาลของแดนมิคสัญญีเก้าหยินพันธนาการ แล้วฉุดกระชากลงมาจากกึ่งกลางรอยแยกห้วงมิติที่บิดเบี้ยว
‘ ต้นไม้เอกภพที่โตเต็มวัยงั้นเหรอ…ไม่สิ บางทีมันอาจจะก้าวข้ามขอบเขตบรรพชนเทพพฤกษาไปแล้วก็ได้ ’
หนึ่งใบไม้โอบอุ้มกาเล็กซี่ หยั่งรากลึกท่ามกลางความว่างเปล่าควบคุมกฎเกณฑ์สวรรค์ปฐพี แผ่กิ่งก้านสาขาข้ามผ่านอดีต ปัจจุบัน อนาคต ปกครองสรรพสิ่งหมื่นยุคสมัยทรงพลังยิ่งใหญ่ไร้ผู้ใดเปรียบ
นี่คือ…ขอบเขตสูงสุดของต้นไม้เอกภพที่ได้ตระหนักรู้สามพันเต๋า และหลอมรวมผสานเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลอย่างแท้จริง
“ ข้ามีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เจ้าต้องการฟังสิ่งใดก่อน ”
!!
เสียงของราชันเทพมารอเวจีดังขึ้นอีกครั้งทำให้จ้าวเทียนขมวดคิ้วทันที ก่อนจะชักกระบี่ออกมาชี้ตรงไปที่พระราชวังจิตวิญญาณเสมือนเป็นการเตือนอีกฝ่ายเบาๆ ไม่ให้ทำอะไรไร้สาระ
“ หึหึ งั้นให้ข้าบอกข่าวดีก่อนแล้วกัน ดูเหมือนพวกเราจะโชคดีได้เป็นสักขีพยานในการร่วงหล่นของจักรวาลระดับสูงที่กำลังจะหมดอายุขัย ซึ่งช่วงเวลาหลายหมื่นล้านปีจะมีโอกาสเกิดขึ้นซักครั้งหนึ่ง ”
ไม่แน่ว่าบางที เราอาจจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปก็ได้ อาทิเช่น เศษเสี้ยววิญญาณต้นกำเนิดจักรวาล หรือเมล็ดพันธุ์ต้นไม้เอกภพระดับสูงสุด ”
ทั้งสองสิ่งที่ราชันเทพมารอเวจีกล่าวออกมานั้น ล้วนแต่เป็นสมบัติลับในตำนานที่ประเมินค่ามิได้ หากไม่มีโชควาสนา ต่อให้ใช้เวลาเสาะหานับหมื่นล้านปีก็ไม่มีหวังได้ครอบครอง
ไม่ต้องพูดถึงเศษเสี้ยววิญญาณต้นกำเนิด ที่ทำให้ตัวตนระดับผู้ปกครองเอกภพสามารถทะลวงขีดจำกัดขอบเขตขั้นต่อไปได้โดยตรง
เอาแค่เมล็ดพันธุ์ต้นไม้เอกภพระดับสูงสุดอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้นำสี่ขั้วมหาอำนาจใหญ่ในห้วงมิติโกลาหล ยอมลงมือเคลื่อนไหวด้วยตนเองแล้ว
“ อย่าโลภให้มันมากนัก คิดแค่วิธีหาทางกลับไปก็พอ ” จ้าวเทียนพูดทำลายความหวังฝ่ายตรงข้ามทันที เพราะคาดเดาออกแล้วว่าข่าวร้ายของอีกฝ่ายคืออะไร
เหอะ! ความห้าวหาญของเจ้าในยามที่ต่อสู้กับข้าหายไปไหนหมด พวกเรายังพอมีเวลาก่อนที่ตัวตนระดับสูงในแดนมิคสัญญีเก้าหยินจะมาถึง จะยอมพลาดโอกาสครั้งเดียวในชีวิตไปงั้นรึ ” ราชันเทพมารอเวจีพยายามหว่านล้อมจ้าวเทียน
อันที่จริงต่อให้ไม่ได้เศษเสี้ยววิญญาณหรือเมล็ดพันธุ์ต้นไม้เอกภพก็ไม่เป็นไร มันยังมีสมบัติล้ำค่าอีกมากมายที่ร่วงหล่นมาพร้อมจักรวาลระดับสูง
โดยเฉพาะดวงวิญญาณอาฆาตแค้นของสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ที่สามารถถูกเปลี่ยนเป็นบ่อเกิดพลังให้ราชันเทพมารอเวจี นี่จึงเป็นจุดประสงค์แรกเริ่มที่ทำให้ตัวเขายอมร่วมมือกับจ้าวเทียน
“ ฉันยังคงยืนยันคำเดิม! เมื่อช่องว่างมิติปรากฏขึ้น พวกเราจะหาจังหวะชุลมุนหลบหนีจากไปทันที ” จ้าวเทียนตอบกลับไปอย่างเฉยชา
นี่ไม่ใช่เพราะเขาหวาดกลัวการต่อสู้ หรือสมบัติเหล่านั้นดึงดูดไม่มากพอ แต่การร่วมมือกับฝ่ายตรงข้ามก็เหมือนขึ้นขี่หลังเสือที่ไม่รู้จะถูกแว้งกัดเมื่อไหร่ จึงยอมตัดใจดีกว่า
“ หากเจ้ายอมช่วย เมื่อกลับไปแล้วข้าจะสั่งถอนทัพทั้งหมดและปิดผนึกขุมนรกอเวจีเป็นเวลาหนึ่งพันปี ข้อเสนอนี้เป็นอย่างไร ”
“ เหอะ! แกยังคิดว่าจะมีโอกาสถอนทัพกลับไปได้อีกงั้นเหรอ ”
ทว่า ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น จิตวิญญาณของจักรวาลระดับสูงที่กำลังร่วงหล่นลงมา ก็เหมือนถูกปลุกตื่นขึ้นจากนิทราอันยาวนานคล้ายกับต้องการดิ้นรนครั้งสุดท้าย
ทำให้มันระเบิดออร่าแห่งชีวิตทั้งหมดออกมา และเริ่มอาละวาดฟาดฟันกิ่งก้านทั้งหมดออกไปรอบด้าน ด้วยความคลุ้มคลั่งเกรี้ยวกราด ราวกับต้องการบดขยี้สรรพสิ่งเป็นจุล
วูป!ๆๆๆ เปรี้ยงง!ๆๆๆๆๆ
หมื่นกฎเกณฑ์ถักทอกันเป็นเก้าร้อยเก้าสิบเก้าวงแหวน ทำลายพันธนาการผูกมัดของแดนมิคสัญญีเก้าหยิน เพื่อปลดปล่อยตนเองจากข้อจำกัดทั้งมวล
จากนั้น
วิ้ง!ๆๆๆๆ ฉัวะ!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ใบไม้ทั้งหมดของต้นไม้เอกภพ ก็แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่แสงหลายพันล้านเล่มพุ่งทะลวงออกไปพลิกคว่ำฟ้าดินด้วยเจตจำนงไร้ขีดจำกัด แม้แต่หมอกควันสีแดงที่ปกคลุมอาณาเขตนี้อยู่ก็ยังถูกกวาดออกไปหมดสิ้นไม่มีเหลือ
อานุภาพการโจมตีในครั้งนี้ แฝงไปด้วยมรรคาเต๋าอันยิ่งใหญ่ และฤทธานุภาพไร้เทียมทานแห่งตัวตนอมตะ ทรงพลังยิ่งกว่าคู่ต่อสู้ใดๆที่จ้าวเทียนเคยเผชิญมามากนัก ทำให้การต่อสู้ระหว่างเขากับราชันเทพมารอเวจีที่ผ่านมาดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
“ รีบป้องกันเอาไว้…เร็วเข้า!! ”
วูบ!ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไวเท่าความคิด ทั้งจ้าวเทียนและราชันเทพมารอเวจีรีบปลดปล่อยกระบี่ราชันสวรรค์และง้าวจักรพรรดิมารทมิฬออกมา
เพื่อไม่เปิดเผยร่างที่แท้จริง พวกเขาเลยใช้เจตจำนงของตนเองควบคุมอาวุธฟันกวาดไปรอบด้าน ต้านทานกระบี่แสงจำนวนนับไม่ถ้วน ที่กำลังถาโถมเข้าใส่ดุจคลื่นทะเลอันคลุ้มคลั่ง
ยี่สิบลมหายใจผ่านไป…
เมื่อได้ปลดปล่อยพลังที่เหลือออกไปจนหมดสิ้น ในที่สุดเนบิวลารูปดวงตาสีทองที่ลอยเด่นอยู่ตรงขอบฟ้าก็ค่อยๆดับแสงลง พร้อมกับเงาร่างของต้นไม้เอกภพที่เริ่มแห้งเหี่ยวเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายร่วงหล่นลงมาช้าๆ
ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่การโจมตีครั้งสุดท้ายของต้นไม้เอกภพระดับสูงสุด ก็ได้เข่นฆ่าเหล่าอสรูหยินระดับต่ำจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนนับไม่ถ้วน ทิ้งซากศพไว้เกลื่อนกลาดมากมายสุดคณานับ
โชคดีที่พวกเราอยู่ห่างออกมามาก ไม่งั้นการโจมตีเมื่อครู่นี้คงกวาดเอาพวกเราลงหลุมไปด้วย ”
จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน โดย ZigFheZ ภาคสามบทที่่251 เทพบรรพชนต้นไม้เอกภพ!! ออนไลน์ฟรี
นวนิยายชุด จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ภาคสามบทที่่251 เทพบรรพชนต้นไม้เอกภพ!! เป็นที่รอคอยมากที่สุด เนื้อหาของซีรีส์ ที่ ภาคสามบทที่่251 เทพบรรพชนต้นไม้เอกภพ!! จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ผู้เขียน ZigFheZ ทำให้ความรักของชายและหญิงหลักเกิดขึ้นตามธรรมชาติ พวกเขามองเห็นคุณค่าที่ดีของกันและกันซึ่งอคติของผู้อื่นมองไม่เห็น ภาคสามบทที่่251 เทพบรรพชนต้นไม้เอกภพ!! ZigFheZ จะทำให้เราพอใจกับผลของความรักนั้นหรือไม่? ติดตาม จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นวนิยาย ภาคสามบทที่่251 เทพบรรพชนต้นไม้เอกภพ!! ที่ th.readeraz.com
จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ZigFheZ ภาคสามบทที่่251 เทพบรรพชนต้นไม้เอกภพ!!
นวนิยาย จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน ภาคสามบทที่่251 เทพบรรพชนต้นไม้เอกภพ!!