เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ นิยาย บท 20

เหยาเจี้ยนกั๋วเป็นคนเงียบขรึมมาตลอด ในตอนนี้ก็พูดขึ้นมาเช่นกัน“พอแล้ว พอได้แล้ว หยุดเถียงกันสักที เหยาเสิน ไปกันเถอะ ส่งพ่อที่มหาลัยก่อนนะ”

เมื่อหลิวหยุนเซียงเห็นว่าไม่มีใครเข้าข้างเธอ ก็รีบใช้จุดแข็งของการเป็นแม่บ้านในทันที พูดอย่างไร้เหตุผลว่า

“ดี ไม่มีใครฟังฉันแล้ว ฉันมันตาบอดเองที่แต่งเข้ามาตระกูลเหยา ลูกสาวแต่งงานกับคนไม่ได้เรื่อง เหยาเจี้ยนกั๋ว คุณเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าไอ้สวะนั้นหรอกนะ ตำแหน่งรองศาสตราจารย์ของคุณเป็นมากี่ปีแล้ว ? การประเมินศาสตราจารย์ประจำปีคุณก็ไม่มีเอี่ยวด้วยเลย ไหนว่ามาสิผู้ชายตระกูลเหยามีดีอะไรกัน ?”

เหยาเจี้ยนกั๋วอยู่ดีๆก็โดนหางเลขไปด้วย แต่คำพูดนี้ก็เสียดแทงความรู้สึกของเขาไม่น้อยเหมือนกัน

เขาในตอนนี้ทำงานที่มหาวิทยาลัยตงหลินภาควิชาเคมี ตำแหน่งรองศาสตราจารย์

เรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นเขาแทบไม่รู้เรื่องเลย และไม่มีความสนใจใดๆ ดังนั้นหลังจากที่เขารับช่วงธุรกิจต่อจากครอบครัว ก็ได้ยกมอบธุรกิจเหล่านั้นให้กับเหยาเสินเป็นคนดูแลจัดการ ตัวเองอยากจะเอาเวลาไปศึกษาหาวิชาความรู้เสียมากกว่า

เพียงแต่ว่าเขาดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์นี้มาแล้วกว่าหลายสิบปี และไม่เคยได้รับการประเมินให้เป็นศาสตราจารย์เลย

เหตุผลสำคัญประการหนึ่งนั้นคือเขาเข้าสังคมกับคนไม่เก่ง

มหาวิทยาลัยตงหลินเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ มหาวิทยาลัยมีสิทธิ์ในการประเมินตำแหน่งศาสตราจารย์ ขอแค่ผ่านด่านนักศึกษาไปได้ โดยทั่วไปแล้วก็ถือว่าได้ตอกตะปูไว้บนกระดานแล้ว

แต่แล้วทุกครั้งเขาก็จะพลาดในด่านสุดท้าย การประเมินของคณะกรรมการวิชาการ

แม้ว่าคนอย่างเขาจะไม่ได้สนใจเกี่ยวกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นมา แต่เขาสนใจในเรื่องของชื่อเสียง เอาคำว่า“รอง”ในตำแหน่งรองศาสตราจารย์ของเขาออกนั้นคือความปรารถนาของเขา

ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องมาประเมินกันอีกครั้ง และเขาก็กำลังกลัดกลุ้มกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

หลิวหยุนเซียงวางอำนาจในบ้านจนเคยตัว เหยาเจี้ยนกั๋วเองก็รู้ดีว่าหากตัวเองยังจะพูดต่อก็คงจะไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นก็จึงปิดปากเงียบ

เหยาเสินสตาร์ทรถ และขับไปยังมหาวิทยาลัยตงหลิน

หลิวหยุนเซียงก็ยังคงพูดพล่ามไม่หยุดอยู่อีกสักพัก ไม่มีใครคุยด้วย เธอก็จึงค่อยๆเงียบไป

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ก็มาถึงที่ประตูฝั่งตะวันออกของมหาวิทยาลัยตงหลิน เซียวชุ่นลงรถมาพร้อมกับเหยาเจี้ยนกั๋วด้วย

ตอนบ่ายเหยาเสินต้องเข้าไปที่บริษัท หากกลับบ้านไปเขาต้องเผชิญหน้ากับแม่ยายที่น่าขยะแขยงเพียงลำพังสองคน ดังนั้นก็จึงขอตัวหลบอยู่นอกบ้านเพื่อหาความสงบสุขจะดีกว่า

ในอีกฝั่งหนึ่ง หลังจากที่งานเลี้ยงเสร็จสิ้นแล้วเซวเฉิงก็เดินทางไปโรงพยาบาลทันที ทำการตรวจร่างกายแบบเต็มรูปแบบ

ฤดูใบไม้ร่วงสีทองของเดือนกันยายน อากาศสดชื่นและเย็นสบาย

ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยตงหลินก็เพิ่งจะเปิดเทอม

เซียวชุ่นไม่ได้ตามเหยาเจี้ยนกั๋วเข้าไปในมหาวิทยาลัยด้วย แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วมองดูใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเหล่านักเรียนนักศึกษา และขายาวๆของสาวๆในมหาลัย

เขาหันหลังและกำลังจะเดินจากไปตรงหน้าก็มีคนสามคนเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่ดูมีอายุเล็กน้อยและดูคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างมาก

ไม่รอให้เซียวชุ่นได้นึกว่าเคยเจอคนคนนี้ที่ไหน คนคนนั้นก็เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ยิ้มแก้มปริ พูดอย่างเคารพนบนอบ“ปรมาจารย์เซียว ? คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินเสียงเซียวชุ่นก็จำได้ คนคนนี้คือคนเมื่อคืนที่จะขอเป็นลูกศิษย์ของเขาโจวชูชิง เพราะเมื่อคืนเขาใส่ชุดผ่าตัด บนศีรษะมีหมวดผ่าตัดคลุมอยู่ ถึงว่าดูคุ้นมากแต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน

“อ้อ พ่อตาผมสอนหนังสืออยู่ที่นี่ครับ ”

เซียวชุ่นกล่าว จะบอกว่ามาดูขายาวๆของนักศึกษาได้ยังไงกัน มันจะดูน่าเกลียด และเสื่อมเสียภาพลักษณ์อันสูงส่งของตัวเองที่อยู่ในใจของเขา

“พ่อตาของคุณ ? ชื่ออะไร ? เมื่อก่อนผมก็ทำงานที่วิทยาลัยแพทย์ที่นี่ ไม่แน่อาจจะรู้จัก ”

โจวชูชิงพูดอย่างตื่นเต้น หากเป็นคนรู้จักการฝากตัวเป็นศิษย์ของตัวเองก็จะมีความหวังไปด้วย

“เหยาเจี้ยนกั๋ว”เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบัง เซียวชุ่นพูดไปตามความจริง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊