พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว นิยาย บท 128

เฟิ่งชิงหัวยังคงสวมชุดทำงานของเมื่อวาน ขณะที่รับรองเท้ายางจากมือคนใช้ นางก็สวมถุง และจ้องหลิวหยิ่งอย่างไม่พอใจ “นายท่านของพงกเจ้าอยู่ที่ไหน?”

“นายท่านกำลังรอพระชายาอยู่ข้างทุ่งนาพ่ะย่ะค่ะ” หลิวหยิ่งกล่าวอย่างเคารพ แต่ในความเคารพนั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไร มันก็ดูเป็นการเย้ยหยัน

เฟิ่งชิงหัวเดินไปที่ข้างทุ่งนา คนที่ถือต้นกล้าเดินตามอยู่ด้านหลัง จากระยะไกล็เห็นจ้านเป่ยเซียวนั่งดื่มชาอยู่ข้างๆ ทุ่งนา ดูแล้วสบายมาก

เมื่อเห็นเฟิ่งชิงหัวใกล้เข้ามา จ้านเป่ยเซียวก็กล่าว “เจ้ามาแล้วหรือ? วันนี้ปลูกที่ดินผืนนี้ ปริมาณก็ไม่มากเกินไป ก่อนที่แสงแดดจะไม่เป็นพิษ ปลูกให้เสร็จก่อนกำหนดจะได้เลิกงานเช้า”

เฟิ่งชิงหัวเบะปาก “ข้าปลูกเป็น”

จ้านเป่ยเซียวกล่าวว่า “มีชาวนาจะสอนเจ้า”

เฟิ่งชิงหัวเอียงศีรษะเห็นว่ามีคนยืนอยู่ข้างๆ นางที่สวมชุดเหมือนนาง มีผิวสีแทนจากการทำงานตากแดดหลายปี

คนผู้นั้นขยันขันแข็งและรีบลงไปที่ทุ่งนา เฟิ่งชิงหัวเดินตามไปที่ทุ่งนา พึมพำในใจว่า นี่มันอะไรกัน นางมาเพื่อเพลิดเพลินกับความสุขของการเป็นพระชายาไม่ใช่หรือ

แต่ในใจของเฟิ่งชิงหัวเคารพชาวนา เห็นว่าชาวนาที่ดูซื่อสัตย์กำลังทำแบบอย่างให้กับตัวเองอย่างขยันขันแข็ง ดังนั้นนางจึงตามไปที่ทุ่งนา

มีน้ำโคลนจำนวนมากในทุ่ง และเมื่อเหยียบลงไป ก็จะจมลึกลงไป การเดินทีละก้าวค่อนข้างลำบาก โชคดีที่เฟิ่งชิงหัวเป็นศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นจึงไม่ยากเกินไป หลังจากที่นางยืนหยัดได้ นางเดินตามชาวนาและเริ่มปลูกต้นกล้า

จุดศูนย์กลางต้นกล้า ระยะห่าง และเทคนิคนั้นมีความเฉพาะเจาะจง เฟิ่งชิงหัวใส่เวลาสี่ชั่วโมงเพิ่งจะปลูกต้นกล้าได้ครึ่งหนึ่ง แผ่นหลังของนางรู้สึกเหมือนไม่สามารถยืดหลังให้ตรงได้

เมื่อยืดตัวขึ้นก็เห็นจ้านเป่ยเซียวยังคงนั่งอยู่ที่เดิมจ้องมองนางเหมือนดูลิง ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ หลิวหยิ่งก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไร

เฟิ่งชิงหัมีแผนขึ้นมาในใจ วางมือบนหน้าผากอย่างตั้งใจ และพูดอย่างอ่อนแรง “ท่านอ๋อง เหตุใดข้ารู้สึกวิงเวียน ข้าจะเป็นโรคลมแดดหรือไม่เพคะ?”

ขณะที่พูด นางเดินโซเซไปทางจ้านเป่ยเซียว ใบหน้าเล็กๆ ของนางเแดงระเรื่อ ราวกับว่าเป็นโรคลมแดด แต่จริง ๆแล้วเป็นเฟิ่งชิงหัวจงใจบังคับออกมาด้วยกำลังภายใน เห็นได้ชัดว่า จ้านเป่ยเซียวไม่ได้สังเกตเห็น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินไป เจ้าปลูกได้กี้ต้นก็จะเป็นโรคลมแดด?”

เฟิ่งชิงหัวดูน่าสงสาร “ข้าไม่เคยปลูกต้นกล้ามาก่อน ท่านอ๋อง รีบดูเร็วๆ สิ ข้าเป็นโรคลมแดดหรือเปล่า เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าขอบตามืดมัว หายใจไม่ออก และขาไม่มีเรี่ยวแรง?”

เฟิ่งชิงหัวล้มลงไปที่คันนานขณะพูด และนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

จ้านเป่ยเซียวเห็นแล้วตกใจ เขารีบลุกขึ้นไปลากนางเพื่อป้องกันไม่ให้นางตกลงไปในน้ำโคลนตามคันนา

เมื่อเขาคว้ามือของเฟิ่งชิงหัว เขาก็รู้สึกถึงแรงกะทันหันจากข้อมือที่อ่อนแอ พลิกจับข้อมือเขา ใช้แรงดึง จ้านเป่ยเซียวล้มลงไปข้างหน้าตรงหน้าตามแรง

จ้านเป่ยเซียวมีประสบการณ์การต่อสู้มามากอยู่แล้ว แม้ว่าตอนนี้ขาของเขาจะไม่ดี แต่ร่างกายของเขาก็คล่องแคล่วมาก เมื่อเขาถูกโยนขึ้นไปในอากาศ มืออีกข้างของเขาจับมืออีกข้างของเฟิ่งชิงหัวไว้แน่น ขาสองข้างโอบเอวของนางไว้

เฟิ่งชิงหัวจะคิดได้อย่างไรว่าคนๆ นี้จะใช้กลอุบายนี้ คันนาลื่นอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไถลลงมาทั้งแบบนี้ และทั้งคู่ก็ตกลงไปในน้ำโคลน เปียกไปหมด

น้ำหนักของพวกเขาทั้งสองได้กระแทกหลุมโคลนลึกขนาดใหญ่ และน้ำโดยรอบก็พุ่งมาทางด้านนี้

“ถุ่ย ถุ่ย ถ่ย!” มีน้ำโคลนเข้าปากเฟิ่งชิงหัว ได้ลิ้มรสกลิ่นโคลนผสมกับหญ้า นางยืนขึ้น เช็ดหน้า และจ้องมองจ้านเป่ยเซียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พลิกชะตาหมอยา เฟิ่งชิงหัว