มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 14

นักยุทธ์ถือว่ามีฐานะที่สำคัญบนโลกใบนี้ ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วจึงมีหลายวิธีที่จะหารายได้

ตัวอย่างเช่น นักเล่นแร่แปรธาตุถือเป็นอาชีพที่ร่ำรวยมาก ยาวิเศษราคาสองสามร้อยตำลึง เมื่ออยู่ในมือของนักเล่นแร่แปรธาตุ หมุนตัวเพียงครั้งเดียวก็กลับกลายเป็นยาทิพย์ซึ่งมีราคาสูงกว่าหลายเท่าตัวได้

ยังมีนักค่ายกลอีก การฝึกตนทุกประเภท ค่ายกลทั้งการโจมตีและป้องกัน ล้วนแล้วแต่มีราคาที่สูงลิ่ว

นักหลอมอาวุธ สร้างอาวุธที่นักยุทธ์ต้องใช้งาน จึงเป็นที่ต้องการตัวของผู้ฝึกยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วน

ทั้งสามอาชีพนี้ในหมู่นักยุทธ์ ถือว่าทำเงินได้มากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทั้งสามอาชีพนี้ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้ ประการแรกจะต้องมีพรสวรรค์ ประการที่สองคือการได้รับการถ่ายทอดวิชาและมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงคอยชี้แนะ

เท่าที่หลัวซิวรู้ มีลูกศิษย์หลายคนในสำนักยุทธ์ที่มีฐานะไม่ธรรมดาฝึกการกลั่นยา ตั้งค่ายกล และหลอมอาวุธ ซึ่งในแต่ละเดือนต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายหมื่นตำลึง ซึ่งสำหรับเขาแล้วถือเป็นจำนวนเงินมหาศาล

แต่นอกจากอาชีพทั้งสามนี้แล้ว หากนักยุทธ์คนอื่น ๆ ต้องการหาอาชีพอื่น ๆ ก็ยังพอมีอาชีพยอดนิยมอีกหนึ่งอาชีพก็คือ นักล่าอสูร !

มีอสูรป่าและอสุรกายจำนวนนับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ในภูเขาลึกและหนองน้ำหลายแห่ง สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เกิดมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแกร่ง และมีความพิเศษที่ไมเหมือนใคร บนตัวของพวกมันมักจะมีสิ่งล้ำค่าอยู่

อาชีพนักล่าอสูรจึงเกิดขึ้นด้วยเหตุนี้

นอกจากการล่าอสูรป่าและอสุรกายแล้ว ในป่าลึกยังสามารถพบกับยาวิเศษได้ รวมไปถึงวัตถุดิบอันล้ำค่า แร่ธาตุ และสมบัติอื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่นักกลั่นยา นักค่ายกล และนักหลอมอาวุธต้องการอย่างยิ่ง

ในเมืองชิงหยุนมีแก๊งนักล่าอสูร หากต้องการเข้ามาเป็นนักล่าอสูรชั้นต้น อย่างน้อยก็ต้องผ่านการกลั่นร่างขั้น5 เมื่อก่อนหลัวซิวมีพละ

กำลังที่อ่อนแอมาก ดังนั้นจึงไม่เคยคิดที่จะเดินในหนทางนี้มาก่อน

แต่เพื่อการยกระดับผลการฝึกตนของตนเองให้รวดเร็วขึ้นได้ ทางเดียวที่เขาสามารถเลือกได้ก็คือ เป็นนักล่าอสูร

นักล่าอสูรสามารถได้รับภารกิจต่าง ๆ จากแก๊ง เมื่อสำเร็จก็จะได้รับค่าตอบแทน และพวกเขาสามารถออกไปสร้างกลุ่มนักล่าได้อย่างอิสระ เมื่อได้ของมาก็สามารถจัดการด้วยตนเองหรือจะนำมาขายให้กับแก๊งก็ได้ นักล่าอสูรบางคนที่มีความสามารถที่แข็งแกร่ง มีรายได้ที่ไม่ด้อยไปกว่าอาชีพพิเศษทั้งสามอาชีพเลย

แก๊งนักล่าอสูรตั้งอยู่ใจกลางเมือง นี่คือเป็นถือเป็นพื้นที่ที่คึกคักที่สุดในเมืองชิงหยุน บนอาคารสูง มีสัญลักษณ์เป็นดาบสองเล่มที่ไขว้กันอยู่

นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวซิวมาที่นี่ ห้องโถงใหญ่กว้างขวางโออ่า มีนักยุทธ์หลายคนกำลังถือดาบอยู่ พวกเขามีปราณที่แข็งแกร่งและพูดจาฉะฉาน

“ยอดฝีมือเยอะจริง ๆ !”

ในสายตาของหลัวซิว ลายเส้นชีวิตของนักยุทธ์เหล่านี้ช่างสมบูรณ์แบบ เขาสามารถแยกแยะความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ผ่านลายเส้นชีวิตได้

เขาพบว่าที่นี่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับการกลั่นร่างขั้น8และ9อยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนเด็กน้อยที่อยู่เพียงระดับการกลั่นร่างขั้น5เช่นเขา ก็เป็นได้เพียงแค่ไอ้กระจอกในชั้นต้นเท่านั้น นักยุทธ์ในแดนฝึกชี่ไห่เอง หลัวซิวก็เห็นอยู่หลายคน

ด้วยวัยเพียงสิบสามปี ทำให้ใบหน้าของหลัวซิวยังดูอ่อนเยาว์อยู่เล็กน้อย ดังนั้นเมื่อเขามาถึงที่นี่ จึงดึงดูดสายตาของผู้คนไม่น้อย

“ฮ่าฮ่า เจ้าหนู ดูเนื้อตัวที่บอบบางของเจ้าสิ ที่นี่คือแก๊งนักล่าอสูรนะ เจ้ามาผิดที่หรือเปล่า ?”

มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับการกลั่นร่างขั้น9ผู้หนึ่งชี้นิ้วมาที่หลัวซิวแล้วหัวเราะลั่น บนหน้าอกของเขามีตราสัญลักษณ์ดาบไขว้ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงฐานะนักล่าอสูรของเขา

“ข้าว่าคงเป็นลูกศิษย์ของสำนักยุทธ์ที่อยากจะเข้ามาขอตราสัญลักษณ์นักล่าอสูร จะได้เอาไปคุยโวโอ้อวดให้ลูกศิษย์คนอื่น ๆ ฟังได้”

“ฮ่าฮ่า ตราสัญลักษณ์ของนักล่าอสูรได้กันง่าย ๆ อย่างั้นเลยหรือ ? ข้าว่าเจ้าหมอนี่คงจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าแม้กระทั่งชีวิตก็อาจต้องทิ้งเอาไว้ที่นี่ !”

“มันก็ไม่แน่หรอกนะ แล้วถ้าเจ้าหมอนี่ผ่านการทดสอบล่ะ ?”

“เจ้าแปดจู มาลองเดิมพันกันไหมล่ะ ?”

หลัวซิวไม่ได้สนใจคนพวกนี้ แต่เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงความกล้าหาญ ความอิสระและความเรียบง่ายของผู้ฝึกยุทธ์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ