นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 19

เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวใช้ที่ดูกระตือรือร้นพวกนี้ พวกนางทั้งตัวเล็กและน่ารักน่าชัง เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่กล้าที่จะลงมือด้วยความรุนแรงมากนัก

เหตุใดสตรีถึงต้องสร้างความยุ่งยากให้กับสตรีกันเองด้วยเล่า?

เฟิ่งชิงเฉินไม่อาจให้พวกนางมาสร้างความลำบากให้กับตนได้อีกแล้ว ดังนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็จะเรียนรู้ให้พวกนางต้องพบเจอความยากลำบากเช่นเดียวกันกับนางแทนแล้วกัน ในยามที่ต้องคิดจะชำระแค้นคืนนั้น มันคือสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดสำหรับสตรี

แต่ในยามนี้ นางรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก

สตรีผู้หนึ่งมีเป็ดถึงห้าร้อยตัว ในยามนี้ รอบตัวนางก็มีเกือบหมื่นตัวแล้ว

ทันใดนั้น จู่ ๆ ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินก็พลันเปล่งประกายสว่างขึ้นมาก มุมปากของนางพลันโค้งขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้น พลันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ข้าเพิ่งจะออกมาจากห้องเก็บศพ ทั้งยังไม่ระมัดระวังหกล้มไปทับที่ "ศพ" เข้า ในยามนี้ยังมิได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ มิรู้ว่ามีคราบสกปรกติดตามตัวหรือไม่ ทุกคนได้โปรดรอสักครู่หนึ่งเถิด หากมีเรื่องอันใด ให้รอจนกว่าข้าจะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสียใหม่"

"อะไรนะ!"

"ห้องเก็บศพ?"

"คนตาย?"

"น่ากลัวจัง"

เสียงกรีดร้องของสาวใช้ที่เล็กแหลม ทำให้แก้วหูของเฟิ่งชิงเฉินเกือบจะระเบิดออกมา

พระเจ้า! เสียงสูงนี้ทำให้นางอยากจะเป็นบ้าตาย

เฟิ่งชิงเฉินพลันกุมขมับตนเองด้วยความเจ็บปวด

นับว่าโชคดี ที่การเสียสละของนางได้ผล สาวใช้ที่ยังคงเบียดเสียดอยู่รอบๆ ตัวเฟิ่งชิงเฉินนั้น พลันถอยห่างออกไป

ฝูงชนที่แออัดเมื่อครู่ บางคนพลันหกล้มคุกคลานลงไปกับพื้น บางคนถูกเหยียบที่มือหรือเท้า ด้วยความตื่นตระหนกตกใจ พร้อมกับตะโกนเสียงกรีดร้องออกมา

"โอ๊ย ใครเหยียบมือข้า"

"ผู้ใดดึงข้ากัน "

"หน้าข้า ผู้ใดยืนบนหน้าข้า"

"รองเท้าของข้า"

ผ่านไปไม่นาน ที่หน้าประตูจวนเฟิ่ง ก็ไม่แออัด เนท่องจากว่า กลุ่มสาวใช้เมื่อครู่ ต่างพากันหนีหายไปหมดแล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงหัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วจึงเดินถอยเข้าไปในจวนตระกูลเฟิ่งในทันที

ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไป พลางเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจว่า "หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว อย่าลืมไปบอกคุณหนูของพวกเจ้าด้วยว่า เฟิ่งชิงเฉินจะไปปรากฏตัวที่งานเลี้ยงชมบุปผาในเทศกาลชมดอกท้อขององค์หญิงผิงอัน วันที่สามเดือนสาม หากพวกท่านอยากรับชมเรื่องที่สนุกสนานละก็ ไปพบกับองค์หญิงอันผิงเองเสีย"

หลังจากพูดจบ ก็พลันโบกไม้โบกมือ เรียกให้เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับงูที่ตายไปแล้ว ให้เขาเข้าไปในจวนพร้อมกับนาง

เด็กหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเฟิ่งชิงเฉินยืนกรานให้เขาเข้าไปด้านใน เขาจึงถือกรงงูขึ้นมาและก้าวเข้าไปในจวนเฟิ่งตาม

สาวใช้ที่ล้มลงไปกับพื้นพลันร่ำให้ปาดน้ำตาในทันที เมื่อได้รับข่าวสารฝากกลับไป จากนั้นก็พลันลุกขึ้นมาเช็ดหน้าเช็ดตา ตนเอง จัดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เปรอะเปื้อนให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นก็เดินกลับไปที่จวนของตนเอง

เพื่อไปให้คุณหนูขอองตน รีบกลับไปเขียนเทียบเชิญขอเข้าเฝ้า เพื่อที่จะได้ไปงานชมบุปผา ในยามเทศกาลดอกท้อที่องค์หญิงผิงอันจัดขึ้น หากคุณหนูของตนเองอารมณ์ดีแล้ว อย่างไรพวกนางก็พลอยได้รับรางวัลไปด้วย

หากแต่เฟิ่งชิงเฉินหาได้รู้หรือไม่ว่า คำพูดของนางนั้น จะเป็นการบังคับให้องค์หญิงผิงอันเปลี่ยนงานเลี้ยงชมบุปผาที่จัดขึ้นเพียงแค่สองร้อยคน กลายเป็นพันคนไปเสียได้

แม้แต่องค์หญิงอันผิงเองก็หมดปัญญา นางจึงได้แต่ต้องวิ่งโร่ไปให้ฮองเฮาช่วยเหลือ

อีกทั้งยังมีสาวใช้บางคน เห็นเฟิ่งชิงเฉินโบกมือเรียกหนุ่มน้อยผู้หนึ่งให้ตามเข้าไปที่จวนอีกต่างหาก อีกทั้ง เด็กหนุ่มผู้นั้นยังดูรูปงามยิ่งนัก สายตาของพวกนางพลันแวววาวขึ้นมาในทันที

พร้อมทั้งรีบกลับจวนไปบอกเล่าในสิ่งที่ตนเองเห็นให้กับคุณหนูของตนได้ฟัง

ข่าวลือจึงถูกเล่ากันภายในกลุ่มลูกคุณหนูมากมาย พร้อมทั้งแต่งเติมเรื่องราวของเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาว่า

คุณหนูตระกูลเฟิ่งไม่ต้องการที่จะมีชีวิตโดดเดี่ยว ทั้งยังไม่อาจเอื้อมถึงคุณชายภายในเมืองหลวงแห่งนี้ได้ ถึงกลับต้องออกไปคบค้ากับพวกอันธพาลในตลาด

เรื่องดีไม่ออกนอกจวน เรื่องชั่วร้ายกลับมีมากมายเต็มไปหมด เรื่องเช่นนี้ ไม่ว่าจะยุคสมัยใด ล้วนแต่เหมือนกันไปเสียหมด

ข่าวลือพลันแพร่กระจายออกไปในทันที

ทุกตระกูลภายในเมืองหลวง ต่างก็เอ่ยปากกำชับกับบุตรหลานของตนเองว่า อย่าได้ริไปเข้าใกล้เฟิ่งชิงเฉินเป็นอันขาด มิเช่นนั้น อาจจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของตระกูลตนเองก็เป็นได้

แน่นอนว่า ผู้คนส่วนใหญ่ ยังร่วมออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกสองสามคำ

"หากนางเป็นบุตรีของข้าละก็ ข้าคงจะบีบคอนางให้ตาย หากปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ช่างขายหน้าผู้คนยิ่งนัก"

"แม่ทัพเฟิงช่างน่าสงสารยิ่งนัก ที่มีบุตรสาวไร้ยางอายเช่นนี้"

"ฮองเฮาเหนียงเหนียงพระนางมีเมตตาเกินไปแล้ว คนแบบนี้สมควรถูกขังเอาไว้ในเล้าหมู"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ