เหมยฮวาบัญชาการ นิยาย บท 82

ฝูซิ่นฮวากำบังเหียนในมือแน่นขึ้น ขณะมองภาพเบื้องหน้า รถม้ายิงเกาทัณฑ์คันที่สองถูกยิงล้มไปอีกคัน จนสถานการณ์พลิกผัน แม้พลทหารบนรถม้าจะลุกขึ้นสู้ แต่ทหารก็กำลังเสียขวัญมิใช่น้อย เสียงกลองรบอ่อนกำลังลง พลทหารดูแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด และยามนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่จะเรียกขวัญของทหารกลับคืนมาได้

กว่าทุกคนจะรู้ตัว กุนซือของพวกเขาก็ควบม้าพุ่งทะยานออกไปเบื้องหน้า ผ้าคลุมของนางสะบัดพลิ้วตามแรงลม ราวกับจะพาหญิงสาวทะยานไปในอากาศ จินเกาหยางที่พอจะคาดเดาสถานการณ์ได้เร่งควบม้าตามชายาของตนไป บรรดาองครักษ์ทั้งเจ็บสิบต่างไม่รอช้า รีบตามไปล้อมฝูซิ่นฮวาไว้ ด้วยหมายจะปกป้องผู้เป็นนาย

กลุ่มของฝูซิ่นฮวาบุกนำฝ่าเหล่าทหารทั้งหลายไป ผ้าคลุมสีเงินลายดอกเหมยสะท้อนแสงจากดวงตะวัน ทำให้ร่างของฝูซิ่นฮวาเป็นประกายโดดเด่นท่ามกลางเหล่าทหาร พลทหารเห็นกุนซือที่แสนอ่อนแอของพวกเขาควบม้าเข้ามาในสนามรบก็เกิดแรงฮึดสู้ เพราะแม้แต่สตรีตัวเล็ก ๆ ที่ไม่เคยจับดาบ ยังนำทหารองครักษ์ทั้งเจ็ดสิบคนของนางเข้ามาร่วมต่อสู้แทนที่จะถอยหนี แล้วพวกเขาที่เป็นชายชาตรีจะทนมองสตรีเบื้องหน้าต้องสู้รบเพียงลำพังได้อย่างไร

เหล่าทหารม้าควบม้าตามฝูซิ่นฮวาเข้าตะลุมบอนกับทหารต้าเจา พลทหารที่ตีกลองรบเห็นดังนั้นก็ยิ่งเร่งเสียงกลองรัวเร็วขึ้น ฝูซิ่นฮวาหยุดม้าแล้วหยิบคันธนูขึ้นมา

เป็นครั้งที่สองที่ฝูซิ่นฮวาจับอาวุธ

เหล่าองครักษ์ทั้งเจ็ดสิบคนและจินเกาหยางล้อมฝูซิ่นฮวาไว้ แล้วร่วมต่อสู้กับข้าศึกศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรง ฝูซิ่นฮวาง้างคันธนูขึ้นแล้วเล็งยิงไปยังศัตรู

“ฝีมือไม่เลว” จินเกาหยางเอ่ยชม เมื่อเกาทัณฑ์ของฝูซิ่นฮวาปักเข้าที่อกของข้าศึกพอดี

ความจริงแล้วฝูซิ่นฮวาเพิ่งหัดยิงธนูได้ไม่นาน และผู้ที่สอนนางก็คือจินเกาหยาง ก่อนหน้านี้ร่างกายนางอ่อนแอไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะง้างคันธนูได้ แต่นับตั้งแต่ที่นางแต่งงานกับจินเกาหยาง ไม่ว่าจะเป็นตัวเขา ฮ่องเต้ หรือไทเฮาล้วนสรรหาทั้งยาทั้งสมุนไพรมาบำรุงร่างกายนางจนแข็งแรงขึ้น จินเกาหยางเห็นดังนั้นจึงสอนนางยิงธนู เผื่อว่านางอาจจำเป็นต้องใช้

และนางก็ได้ใช้จริง ๆ เสียด้วย

การปรากฏตัวของฝูซิ่นฮวาสามารถเรียกขวัญและกำลังใจของทหารกลับมาได้ บิดาของนางสอนเสมอว่า การที่แม่ทัพนำทัพออกศึกคือขวัญและกำลังใจที่ดีที่สุดของทหาร การได้เห็นทั้งฝูซิ่นเล่อและฝูซิ่นฮวาในสนามรบ จึงเป็นการสร้างความฮึกเหิมอย่างยิ่งใหญ่ให้แก่กองทัพ

“นี่น่ะหรือเรื่องที่ท่านไม่ยอมบอกข้า” ฝูซิ่นเล่อถามด้วยน้ำเสียงปนหอบ ขณะตรงเข้ามาหาพี่สาวที่กำลังยิงข้าศึกศัตรู

“ใครว่าข้ามิได้บอกกล่าวแก่เจ้า” ฝูซิ่นฮวาย้อนคำ “ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าจะอยู่ข้างเจ้า”

“โดยการออกมาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับข้าในสนามรบน่ะหรือ!”

“มิผิด”

ฝูซิ่นเล่อแสดงอาการฮึดฮัด แม้ว่าการมาของพี่สาวจะสามารถเรียกขวัญของทหารกลับมาได้ แต่มันกลับทำให้เขาขวัญหายกระเจิดกระเจิง

“ระวังหลานข้าด้วย” ผู้เป็นน้องกระซิบ “อย่าทำให้ข้าขวัญหาย โดยการทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อหลานของข้าอีก”

ฝูซิ่นฮวาพยักหน้ารับ แม่ทัพแห่งทัพไป๋หู่จึงขี่ม้าออกจากวงล้อมองครักษ์ของนางไป ในขณะที่นางและสามีใช้ธนูยิงผ่านองครักษ์ใส่ข้าศึกศัตรูอย่างไม่หยุดยั้ง

“บางทีการนั่งอยู่บนรถม้ายิงเกาทัณฑ์น่าจะสนุกกว่านี้” จินเกาหยางพูดทั้งที่มือยังไม่หยุดยิง

“ถ้ารถม้าไม่ถูกยิงก็คงใช่” ฝูซิ่นฮวาเอ่ยตอบ สามีของนางหัวเราะ ก่อนขยับเข้ามากระซิบ

“เจ้าระวังครรภ์ด้วย เมื่อครู่เจ้าขี่ม้ามาเร็วมาก เกรงว่าอาจกระทบกระเทือน”

“ท่านพี่อย่าได้ห่วง ลูกของเราเข้มแข็ง ไม่เป็นอะไรไปง่าย ๆ หรอกเจ้าค่ะ” ฝูซิ่นฮวายิ้มตอบ

นางรู้ ลูกของนางจะต้องอดทนได้ เพื่อบ้านเมืองและมารดาของเขา!

หลังจากที่เรียกขวัญและกำลังใจของเหล่าทหารกลับมาได้ ทัพไป๋หู่ก็กลับมาต่อสู้อย่างห้าวหาญอีกครั้ง พลิกสถานการณ์กลับมาไม่ให้ตนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้อีก เสวียนชิวรู้สึกแปลกใจกับเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างไม่รู้ที่มา แต่เมื่อกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แลเห็นผ้าคลุมที่สะท้อนแสงสีเงินอยู่ท่ามกลางวงล้อมของทหารองครักษ์ เขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร

“ฝูซิ่นฮวา เจ้าถึงกับมาด้วยตัวเองเชียวหรือ!”

ยามนี้ทัพไป๋หู่คงคิดเผด็จศึกแล้วเป็นแน่ เพราะแม้แต่กุนซือที่เคยอยู่แต่ในค่ายทหารยังออกมาร่วมรบด้วย ที่สำคัญ การปรากฏตัวของนางดูเหมือนจะสร้างความฮึกเหิมให้ทหารทัพไป๋หู่ไม่น้อย

เช่นนั้นเขาจะทำลายขวัญและกำลังใจของทัพไป๋หู่ด้วยมือของเขาเอง

“ตามข้ามา!” เสวียนชิวเรียกคนของตนแล้วพุ่งทะยานไปหาฝูซิ่นฮวาที่อยู่ในวงล้อมขององครักษ์ จินเกาหยางเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า รีบฝ่าทหารองครักษ์ออกไปรับมือกับเสวียนชิว

“เฮอะ! ที่แท้ก็มากันทั้งผัวทั้งเมีย!” เสวียนชิวว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ