อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 251

“ข้อเสนออะไร”

โม่จงหรานหน้านิ่วคิ้วขมวดมองเขา

“อันที่จริงบ่าวคิด ในราชสำนักมีอ๋องฉู่ อ๋องฮั่นดูแลอยู่ ทั้งยังมีขุนนางทั้งหลาย ฝ่าบาททรงกรำราชกิจหนักทุกวัน มิเคยได้เกษมสำราญคลายพระราชหฤทัยทั้งปี”

ซูปิ่งซ่านใคร่ครวญพลางกล่าว “อย่างที่พระชายาหมิงเคยกล่าว”

“ร่างกายมนุษย์ก็เหมือนกับเครื่องจักร แม้จะหย่อนยานเกินไปไม่ได้! แต่จะโหมทุกวันก็ไม่ได้เช่นกัน ดีชั่วต้องพักผ่อน ชิ้นส่วนจะได้ไม่เสียหาย”

คำกล่าวนี้ เป็นหยุนหว่านหนิงที่เคยพูดกับเขาในตอนที่พระวรกายมังกรโม่จงหรานไม่สบาย

ซูปิ่งซ่านรู้สึกเพียงคำกล่าวนี้แปลกใหม่มาก ดังนั้นจึงจำใส่ใจ

แต่เพราะไม่เข้าใจในความหมาย ดังนั้นภายหลังจึงเคยแอบถามนางเป็นการเฉพาะ

หลังจากนางอธิบายแล้ว ซูปิ่งซ่านจึงจะเข้าใจความหมายแฝงของคำกล่าวนี้

ครั้นพิจารณาอย่างละเอียด ก็อดรู้สึกว่าพระชายาหมิงเยี่ยมยอดไม่ได้!

คำกล่าวนี้ช่างให้เห็นภาพและน่าประทับใจยิ่ง!

“ที่จริง บ่าวรู้สึกว่าฝ่าบาทสมควรพักผ่อนสักสองสามวัน! มิเช่นนั้นก็ฉวยโอกาสนี้เสด็จไปตำหนักสิงกง ประทับเป็นเพื่อนไทเฮาเหนียงเหนียงก็ไม่เลวนะพ่ะย่ะค่ะ!”

ครั้นได้ยินคำพูดนี้ โม่จงหรานก็ผงกหัวอย่างมีความคิด

“ที่เจ้าว่ามาก็มีเหตุผล”

“บ่าวมิกล้า! บ่าวรู้สึกว่าถ้อยคำของพระชายาหมิงก็มีเหตุผลเหมือนกัน”

เขายกความดีความชอบให้หยุนหว่านหนิง

นับจากวันนั้น พอหยุนหว่านหนิงช่วยเขาหนหนึ่งแล้ว ซูปิ่งซ่านก็มักจะพูดแทนนางอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจเสมอ...

“แต่ข้ายังลังเลนิดหน่อย”

โม่จงหรานกล่าวราวกับมีความคิด “ถ้าข้าไปตำหนักสิงกง ฮองเฮากับเต๋อเฟยก็ต้องตามไปด้วยแน่ ถึงตอนนั้น ข้าก็ไม่ได้อยู่อย่างสงบแล้ว แล้วมันจะต่างอะไรกับการอยู่ในวังเล่า”

ต้องคิดวิธีสลัดฮองเฮากับเต๋อเฟย แล้วเขาก็ไปอยู่อย่างอิสรเสรีที่ตำหนักสิงกงตามลำพัง

“อีกอย่าง เจ้าใหญ่ไม่เด็ดขาดเอาเสียเลย เจ้ารองก็เชื่อถือไม่ได้ เจ้าสามถูกกักบริเวณอยู่ในจวนอ๋อง เจ้าสี่ยังป่วยอยู่”

โม่จงหรานถอนหายใจหนัก “จะมอบราชกิจในราชสำนักให้ใคร ข้าก็ไม่วางใจทั้งนั้น!”

ซูปิ่งซ่านคิดหนักเหมือนกัน “มิเช่นนั้น ฝ่าบาททรงตามตัวอ๋องหมิงกลับมาก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ให้อ๋องหมิงสะสางงานในราชสำนัก ส่วนฝ่าบาทก็จะได้คลายพระราชหฤทัยสองสามวัน”

“ไม่”

โม่จงหรานส่ายหน้า เครียดจัด “ข้าแทบอยากจะไปตำหนักสิงกงเสียเดี๋ยวนี้เลย หลบลี้เรื่องน่าปวดหัวพวกนี้! ถ้าตามเจ้าเจ็ดกลับมา...”

“อย่างน้องต้องใช้เวลาหลายวัน ไม่ทันกาล”

เขาเอ่ย แต่แล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนสีหน้า “ซ่งจื่ออวี๋ล่ะ!”

“ฝ่าบาท ใต้เท้าซ่งเขา...เขาเป็นผู้สูงส่งละทิ้งทางโลก บ่าวไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหนพ่ะย่ะค่ะ!”

ซูปิ่งซ่านหนักใจ อึกๆ อักๆ

แม้บัดนี้ซ่งจื่ออวี๋จะดำรงตำแหน่งชินเทียนเจี้ยน แต่หากไม่มีเรื่องสำคัญ เขาก็มักไม่อยู่ในเมืองหลวง

และจะไม่เข้าวังด้วย!

หากต้องการตามตัวเขา ยากเสียกว่าการขึ้นสวรรค์!

โม่จงหรานกุมหน้าผาก “นี่ข้าแต่งตั้งชินเทียนเจี้ยน หรือว่าหาเจ้านายมาให้ตัวเองกันแน่...เวลาที่ต้องการตัวเขา เขากลับกล้าไม่อยู่?!”

เป็นครั้งแรกที่เห็นชินเทียนเจี้ยนทำตามอำเภอใจเช่นนี้!

แต่จะทำอย่างไรได้ คนเขาคือผู้สูงส่งละทิ้งทางโลกแล้วจริงๆ นี่!

ต่อให้โม่จงหรานโมโหอยากตำหนิลงโทษซ่งจื่ออวี๋ ก็ตามตัวเขาไม่เจอ!

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะขังซ่งจื่ออวี๋ให้อยู่ในห้องทรงพระอักษร สะสางเรื่องใหญ่ในราชสำนักสองสามวันเลย

หลังจากพิจารณา ข้อเสนอแนะของซูปิ่งซ่านเหมาะสมที่สุดแล้ว เมื่อนั้นโม่จงหรานจึงส่งคนไปเชิญโม่เยว่กลับเมืองหลวง

เขากลับมาเมืองหลวง คือเรื่องสามวันให้หลัง

“เจ้าบัดซบ! พอไปตำหนักสิงกงทีก็คือครึ่งเดือน ยังจะเอาค่ายเสินจีอีกหรือไม่ เจ้ายังเห็นข้าที่เป็นเสด็จพ่ออยู่ในสายตาหรือไม่!”

เพิ่งเข้าห้องทรงพระอักษร ก็ถูกตำหนิสั่งสอนปานสายฟ้าฟาดผ่ากระหม่อมยกหนึ่ง

โม่เยว่หน้านิ่ง “เสด็จพ่ออย่าทรงกริ้ว”

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าทำคุณถ่ายโทษ!”

โม่จงหรานเหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง

“เชิญเสด็จพ่อรับสั่งมาได้”

โม่เยว่ยืนตัวตรงเรียบร้อย

โม่จงหรานแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชา เอามือไพล่หลังเดินกลับไปกลับมาตรงหน้าเขา แล้วจึงเอ่ย “ข้ามีธุระต้องออกจากเมืองหลวง! เจ้าสะสางราชกิจแทนข้า!”

“หากทำได้ดี ข้าจะถือว่าเจ้าทำคุณในขณะที่มีความผิด ใช้คุณถ่ายโทษให้”

“หากเจ้าทำได้ไม่ดี...ข้าจะเอาความผิดทั้งสองกระทงมาลงโทษในคราวเดียว เพิ่มโทษอีกขั้น!”

โม่เยว่ “...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์