ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 336

กู้โม่หานจับมือนางไว้ มอง โม่หวิ่นหมิงด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร “หนานหว่านเยียน เจ้าซื้อของดีให้ ‘ท่านน้า’ ของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมข้าไม่รู้?”

หนานหว่านเยียนชำเลืองมองเขา รู้สึกว่าเขามาไม่มีปี่มีขลุ่ย นางชักมือกลับ “ตอนที่ซื้อของ ท่านยุ่งอยู่กับการซื้อของให้เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อย ไม่ได้สังเกตเหรอ”

“แต่การที่ข้าซื้อของให้น้าของข้า มันไม่ใช่เรื่องของท่านมิใช่หรือ?”

จากนั้น นางก็หยิบกล่องของขวัญกลับมา แล้วส่งและส่งให้โม่หวิ่นหมิงด้วยรอยยิ้ม

โม่หวิ่นหมิงเม้มริมฝีปากบาง ชำเลืองมองกู้โม่หานอย่างไม่ค่อยพอใจ เก็บกล่องของขวัญ แล้วยิ้มให้หนานหว่านเยียนอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณหว่านหว่านที่มีน้ำใจ”

“ท่านน้าไม่จำเป็นต้องสุภาพกับข้าขนาดนั้นก็ได้ ข้าจะตรวจขาให้ท่าน “หนานหว่านเยียนย่อตัวลง เอื้อมมือไปถกขากางเกงของโม่หวิ่นหมิงขึ้น

กู้โม่หานสายตาดุดัน จู่ๆ เขาก็คว้าคอเสื้อของหนานหว่านเยียน กระชากนางขึ้นมาให้อยู่ข้างหลังของตัวเอง

“เรื่องง่ายๆ แค่นี้ไม่ต้องการเจ้า ข้าจัดการเองได้!”

หนานหว่านเยียนยืนอยู่ข้างหลังกู้โม่หาน มองดูกู้โม่หานพับแขนเสื้อขึ้น มือใหญ่หนาของโม่หวิ่นหมิงก็ถกขากางเกงขึ้นเข่นกัน

เมื่อนางตั้งสติได้ ก็รีบขมวดคิ้วถามว่า “ท่านทำได้หรือ?”

เกิดอะไรขึ้นกับกู้โม่หานในวันนี้ ก่อนหน้านี้ไหนรับปากว่าจะปกป้องครอบครัวของนาง ยังคิดว่าเขาเลิกอคติกับท่านน้าได้แล้ว นึกไม่ถึงว่าพอถึงเวลาก็ห้ามนู่นห้ามนี่ ไม่อยากให้นางติดต่อกับโม่หวิ่นหมิง

ให้ตายสิ ทำไมถึงควบคุมขนาดนี้ คนที่ไม่รู้จะคิดว่าเขาขี้หึง

เมื่อได้ยินเช่นนั้นโม่หวิ่นหมิงก็ขมวดคิ้ว จ้องมองกู้โม่หานด้วยดวงตาที่อ่อนโยนและเฉียบคม “ทรงมีพระปรีชาญาณ ไม่รบกวนท่านอ๋องแล้ว”

กู้โม่หานก็จ้องไปที่โม่หวิ่นหมิง เผยรอยยิ้มอันเย็นชา ไม่มีทีท่าว่าจะถอย

“ข้าอยู่ในค่ายทหารมาหลายปี เคยเห็นคนที่สูญเสียแขนขาไปหลายคน สถานการณ์ของท่านน้าในเวลานี้ สำหรับข้าแล้วเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย”

เขาพูดพลางเคาะหน้าแข้งทั้งสองของโม่หวิ่นหมิง แล้วออกแรงบีบ

เขาไม่มีความสุขจริงๆ รู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นการสื่อสารระหว่างหนานหว่านเยียน และโม่หวิ่นหมิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าได้เห็นหนานหว่านเยียนแตะเนื้อต้องตัวโม่หวิ่นหมิงเลย

เป็นคนอื่นก็ยังดี แต่หากโม่หวิ่นหมิงได้รับการปกป้องจากหนานหว่านเยียนนั้นยอมไม่ได้

มือของกู้โม่หานใหญ่มาก สายตาของโม่หวิ่นหมิงมืดมนลงทันที เขารู้สึกเจ็บแปลบที่น่อง จับราวจับแน่นด้วยใบหน้าซีดเซียว แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ สีหน้ายังเหมือนในตอนแรก

หนานหว่านเยียนไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย นางแค่สนใจพละกำลังจากมือของกู้โม่หาน พลางขมวดคิ้วเอ่ยปากขึ้น

“ท่านเบาหน่อย แค่นวดน่องให้ท่านน้าเพื่อดูปฏิกิริยาเท่านั้น ท่านหลบไป ข้าจัดการเอง”

ทันทีที่พูดออกไปเช่นนี้ จิตใจของกู้โม่หานก็ยิ่งเย็นชาลง พละกำลังของเขาได้เพิ่มขึ้นอีกมาก

เขาทอดสายตาไปยังหนานหว่านเยียนอย่างหนักแน่นด้วยดวงตาสีดำขลับ

“ข้ารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่หักขาเขาหรอก จะว่าไปแล้ว ท่านน้าก็ไม่ได้บอกว่าเจ็บนี่นา?”

เขาต้องการเตือนโม่หวิ่นหมิงให้อยู่ห่างจากหนานหว่านเยียนสักหน่อย แต่จะไม่หักขาของโม่หวิ่นหมิงจริงๆ

ความเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นใแววตาของโม่หวิ่นหมิง แต่ใบหน้าที่หล่อเหลายังคงมีรอยยิ้มเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่พัดต้นหลิว “ใช่แล้ว ท่านอ่องมีวิจารณญาณ ถูกต้องทุกอย่าง”

ถูกต้องทุกอย่าง?

หนานหว่านเยียนมองโม่หวิ่นหมิง ไม่รู้ว่านางควรดึงตัวเขามาหรือไม่ “ท่านน้ายังรู้สึกว่ายังทนไหวหรือ? ความเจ็บปวดขาเป็นยังไงบ้าง? รุนแรงไหม?”

โม่หวิ่นหมิงมองหนานหว่านเยียนที่สะสวย พูดอย่างอ่อนโยน “ยังทนไหว ไม่เจ็บ”

กู้โม่หานยิ้มเยาะในใจ“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ไม่ต้องออมแรงแล้ว”

“ข้าคิดว่าท่านกือบจะหายดีแล้ว ก็ย้ายไปพักฟื้นที่เรือนถานซินของข้าเถอะ ที่นั่นเงียบสงบและไม่ได้ใช้งาน แถมยังเป็นเรือนที่ใหญ่ที่สุดในจวนอ๋องของข้าด้วย เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับท่านในการพักฟื้น”

โม่หวิ่นหมิงยิ้มบางๆ แต่ร่างกายนั้นปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกที่น่ากลัว “เรือนใหญ่เช่นนั้น ท่านอ๋องเก็บไว้ให้คนอื่นดีกว่า”

“ข้าตัวคนเดียว พักอยู่ที่นั่นคงเงียบเหงาน่าดู”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้