ศึกเดือด มหากาฬ นิยาย บท 34

“ใครเป็นคนทำ ? !” เฉินอีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ภรรยาของเขา ใครคิดจะรังแกก็ได้อย่างนั้นหรือ ?

ต่อให้เป็นตระกูลฉินก็ทำไม่ได้ !

“ตึกตึกตึก !”

เขาจูงมือโต๋วโต๋วและโน่วโน่วเดินเข้ามาหาฉินปิงหลัน ไม่ว่าใครเป็นคนลงมือ ผู้หญิงของเฉินอีก็ห้ามคุกเข่าลงบนพื้นเด็ดขาด !

“แกเป็นใคร ?”

ฉินหวยอันตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เมื่อเห็นโต๋วโต๋วและโน่วโน่ว ก็ตะโกนด่ารุนแรงขึ้น : “ยัยลูกผสมสองคนนี่ก็เข้ามาด้วยหรือ รนหาที่เจ็บตัวหรืออย่างไร !”

เขาเดินเข้าไปหาเพื่อจะทุบตีโต๋วโต๋วและโน่วโน่ว แต่วินาทีต่อมาเสียงของเฉินอีก็ดังก้องกังวานขึ้น

“โต๋วโต๋ว โน่วโน่ว ดูให้ดีนะ”

“จัดการกับคนพวกนี้ ต้องใช้กำลังจัดการให้สิ้นซาก !”

ทันทีที่พูดจบ เฉินอีก็ยกขาขึ้นเตะ เจ้าน้องชายคนนั้นเดิมทียืนนิ่งเป็นก้อนหิน แต่วินาทีต่อมาเขากลับทรุดตัวลงไปร้องคร่ำครวญอยู่บนพื้น

“เจ็บ โอ๊ย เจ็บ !”

เขากุมท้องเอาไว้แน่น

แต่เฉินอีกลับไม่สนใจ เขาจูงโต๋วโต๋วและโน่วโน่วเดินข้ามอีกฝ่ายไป และมุ่งตรงไปหาฉินปิงหลัน

“พื้นเย็น รีบลุกขึ้นเร็วเข้า”

เฉินอีประคองฉินปิงหลันขึ้นมาด้วยความสงสาร ฉินหวยจือคิดจะเข้าไปขวาง แต่กลับถูกเฉินอีตบเข้าฉาดใหญ่จนโซเซถอยหลังไปหลายก้าว

“บ้าเอ๊ย !”

“ไอ้หมอนี่เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงมีเรี่ยวแรงมหาศาลขนาดนี้ !”

ก่อนหน้านี้ฉินหวยจือเองก็เคยฝึกออกกำลังในยิมเพื่อจีบผู้หญิง ทำให้ร่างกายของเขาถือว่าแข็งแรงไม่น้อย ถึงแม้จะเป็นการฝึกอย่างผิวเผิน แต่ก็พอมีพื้นฐานอยู่บ้าง จึงคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายเพียงแค่ออกแรงกับเขาอย่างเบามือ ก็สามารถทำให้เขาโซเซถอยหลังไปหลายก้าวได้แล้ว

เพียงแต่สิ่งที่อยู่เหนือความตกตะลึงก็คือความโมโห

“คุณย่าครับ ไอ้หมอนี่บุกรุกเข้ามาในตระกูลฉินของเรา อีกทั้งยังลงไม้ลงมือโดยไม่พูดไม่จา จะต้องจัดการกับเขาให้ถึงที่สุดนะครับ !” ฉินหวยจือเอ่ยยุยง

แต่ฟังดูก็มีเหตุผล จู่ ๆ คนนอกอย่างเฉินอีบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์ ถือว่าพวกเขามีเหตุผลในจัดการกับเขา

“พวกเราไปกันเถอะ”

เฉินอีขี้เกียจจะสนใจคนเหล่านี้ เขาจูงมือฉินปิงหลันเดินจากไป แต่กลับถูกหลิวหลันเข้ามาขวางเอาไว้ แต่ตะโกนด่าทอขึ้นมา : “แกเป็นใคร เรื่องในครอบครัวของเราเกี่ยวอะไรกับแกด้วย ?”

“ถูกต้องแล้ว นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของพวกเรา จู่ ๆ คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างแกจะยื่นมือเข้ามาแส่ ไม่กลัวว่าพวกเราจะแจ้งตำรวจหรืออย่างไร ? !”

ฉินปิงซินพูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง

ขอเพียงแค่เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับฉินปิงหลัน เขาก็มักรู้สึกว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่าอยู่เสมอ

“แจ้งตำรวจ ?”

เฉินอีหันหน้ากลับไป แล้วแสดงสีหน้าสนอกสนใจ “นายจะลองแจ้งดูก็ได้นะ แต่นายลองดูเอาเองก็แล้วกันว่าตำรวจจะกล้ายุ่งหรือไม่ !”

“เปรี้ยง !”

สมองของทุกคนรู้สึกเหมือนถูกโจมตี พวกเขายืนไม่ได้สติไปพักใหญ่

โดยเฉพาะฉินปิงซิน เขาชี้ไปที่เฉินอีเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายกลับพูดไม่ออก

“พวกเขาเกี่ยวข้องอย่างไรกับคุณ ?”

เฉินอีหันมองฉินปิงหลัน

ตอนนี้ฉินปิงหลันรู้สึกอ่อนแรง ต่อให้คนที่จูงมือของเธออยู่คือเฉินอี เธอก็ไม่ได้สนใจ

“แม่ของฉันกับน้องชายของฉัน”

“อะไรนะ ?”

เฉินอีผงะไป

หรือจะว่ากันตามตรงก็คือชายหญิงคู่นี้มีศักดิ์เป็นแม่ยายและน้องเขยของเขา เมื่อคิดได้เช่นนี้ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเกรงใจขึ้นเล็กน้อย

“ร่างกายของปิงหลันไม่ค่อยแข็งแรงนัก ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในตอนนี้ มีเรื่องอะไรเอาไว้ครั้งหน้าค่อยคุยกันนะครับ”

ขณะที่พูดเขาก็ตั้งใจจะพาฉินปิงหลันเดินจากไป

แต่หลิวหลันไม่ยอม และพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า : “ฉินปิงหลัน นี่เป็นผู้ชายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนไหนของแกอีก ? แกนอนกับผู้ชายมากหน้าหลายตาไปทั่ว แต่ไม่ยอมขึ้นเตียงกับคุณชายหลี่เจ๋อ แกบอกฉันมาซิว่าฉันเกิดลูกที่ไร้ประโยชน์อย่างแกออกมาได้อย่างไร !”

“แม่คะ !”

ฉินปิงหลันรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง เธออยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดไม่ออก

แต่เฉินอีไม่อาจทนได้อีก

เขาจ้องหลิวหลันตาเขม็ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน : “ผมเคารพคุณเพราะคุณเป็นแม่ของปิงหลัน แต่ในฐานะที่เป็นแม่คุณควรรู้ได้ด้วยตัวเองว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ