ย้อนเวลาใหม่ครั้งนี้ขอยอมง้อเธอด้วยรัก นิยาย บท 15

บทที่ 14 นายเป็นใคร

หลังจากเจ้าหน้าที่สอบปากคำพวกเขาเสร็จ อาจารย์พิสุทธิ์ก็ขอตัวกลับหลังจากอาจารย์กลับแล้วคีร์ก็ขอเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดคุยกับพี่แดงสักครู่ เขาเดินไปทางห้องขังเห็นพี่ยามที่เขาคุ้นเคยนั่งกอดเข่าพิงกำแพงเอนตัวพิงมาทางลูกกรง ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ มีเพียงลูกกรงที่กั้นระหว่างเขาทั้งสอง คีร์เรียกแดงด้วยเสียงเบา

“พี่แดง..” แดงค่อย ๆ หันหน้ามามองเขาสายตาเซื่องซึมราวกับไม่อยากพูดคุยอะไรกับใคร เขารับสารภาพผิดทั้งหมดทำให้เจ้าหน้าที่สามารถปิดคดีได้ง่าย ในตอนนี้เขาคิดถึงเพียงครอบครัวที่อยู่ที่บ้าน เมื่อเขาเห็นคีร์เรียกเขาก็เบนหน้ากลับไปอีกทางไม่ต้องการพูดคุยอะไรด้วยอีก

“ผมรู้นะว่าเรื่องนี้พี่ไม่ได้ทำคนเดียว ผมรู้ว่าเขากำลังหลอกใช้พี่ บีบให้พี่ออกมารับผิดแทนใช่ไหม” คีร์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ทว่าอีกฝ่ายยังทำทีไม่สนใจเขาราวกับไม่ได้ยิน

“เขาข่มขู่อะไรพี่ ทำไมพี่ต้องยอมรับผิดแทนเขาขนาดนี้” น้ำเสียงของคีร์เริ่มอ่อนแรง ทันทีที่ชายคนนั้นปรากฏตัวพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกอย่างก็คล้ายมีแสงสว่างเขาจับเหตุการณ์ทั้งหมดมาเรียงร้อยต่อกัน ข้อพิรุธในชาติที่แล้วที่ไม่มีใครกล้าพูด รวมหัวกันซุกไว้ในพรม วันนี้เขากระจ่างชัดแล้ว เขาไม่ต้องการทิ้งชายตรงหน้าคนนี้อย่างน้อยเขาก็ขอให้ได้แก้ไขเหตุการณ์ที่เขาปล่อยผ่านในชาติก่อนหน้านั้น

“ถ้าพี่รู้อะไรสักนิด พี่บอกผม พี่แดง...เขาต้องได้รับโทษในสิ่งที่เขาทำลงไปด้วย” คีร์พยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง แดงหันกลับมามองหน้าคีร์ สายตาของชายวัยกลางคนมองเด็กหนุ่มอนาคตไกล เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมเจ้าหนุ่มตรงหน้าถึงอยากควานหาคนผิดขนาดนั้น ท้ายที่สุดต่อให้จับคนเบื้องหลังได้กฎหมายก็คงทำอะไรมันไม่ได้และเขาก็ยังต้องถูกลงโทษตามกฎหมายเช่นเดิม วินาทีที่เขาตัดสินใจราดน้ำมันใส่ตัวเองเขาก็ไม่ต้องการหันหลังกลับอะไรอีกแล้ว

“เอ็งกลับไปเถอะ เรื่องนี้มันเกินมือเอ็งเกินไป” เขาตอบด้วยเสียงแหบแห้ง

“.......” คีร์ตัดสินใจไม่เซ้าซี้เขาต่อ ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหาต้นสนที่รออยู่ เขาส่ายหน้าให้ต้นสนสื่อว่าพี่แดงไม่ยอมบอก ต้นสนพยักหน้าเข้าใจ เมื่อเขาเดินออกมาจากสถานี รถของเพื่อนรักอีกคนกลับจอดรออยู่ นัทยืนพิงประตูรถก้มหน้าเล่นมือถือ ชายหนุ่มหาวพลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนจังหวะนั้นเขาถึงเห็นว่าไอเพื่อนไม่รักดีสองคนกำลังเดินมาทางนี้

“โว้ว มีหนุ่มมารอรับพวกเราด้วยว่ะ” ไอคีร์พูดขึ้น

“ถ้าออกมาช้ากว่านี้อีกสิบนาที หนุ่มคนนี้ก็คงกลับก่อนรอนานจนนึกว่าพวกมึงจะได้นอนซังเตแล้ว” นัทบ่นเขาเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง คีร์กับต้นสนเลยเข้าไปนั่งตามโดยคีร์เลือกนั่งข้างหน้า

“กูต้องถามพวกมึงหรือพวกมึงจะอธิบาย” นัทเปิดประเด็นขึ้น ชายหนุุ่มทั้งสองมองหน้ากันต้นสนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เป็นการผลักภาระให้คีร์รับผิดชอบ

“แหม่ อธิบายแล้วจ้าอธิบายแล้วอย่าใจร้อนสิพ่อหนุ่ม” คีร์แซวเพื่อนก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมด เขาดัดแปลงนิดหน่อยตรงที่เขาอ้างว่าเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ในช่วงนี้เขามักฝันถึงล่วงหน้า ภาพความทรงจำอาจเลือนรางแต่หลาย ๆ อย่างกลับเกิดขึ้นจริง อย่างเรื่องคืนนี้เขาก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าจะเกิดเหตุเพลิงไหม้ เขาเลยตัดสินใจแอบติดกล้องเอาไว้ตามอาคาร ก่อนจะพบข้อพิรุธมากมาย เลยตัดสินใจบุกมาด้วยตนเอง

“ไม่ตามกูเลยนะ น้อยใจได้ไหม” นัทเริ่มบ่น

“ให้ตามอะไร ไม่ใช่ว่ามึงมีนัดกับเพื่อนเก่าสมัยมัธยมเหรอหนึ่งในนั้นมีใครนะ รักแรกของมึงคนนั้นด้วยนี่” นัทเบนสายตามองคีร์ที่พูดจี้ใจดำ แหงสิเพราะวันนี้เป็นวันที่เขาจะได้เจอกับปลาแฟนเก่าของเขา นัทเลยเฝ้ารอวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ เขาพอจะให้อภัยเพื่อนได้บ้างเลยกลับเข้าเรื่องอีกครั้ง

“กูดูคลิปที่มึงส่งมาแล้วนะ” นัทพูดขึ้น ก่อนจะพูดถึงสิ่งที่เขาสังเกตได้ในคลิปเขาบอกว่าแม้จากกล้องตัวนี้จะมีเพียงแดงเดินผ่านไปมาไม่กี่ช็อตแต่ว่าความน่าสงสัยคือจังหวะหนึ่งที่แดงยืนนิ่งเขาคล้ายกำลังพูดอะไรบางอย่างกับใครสักคน

“มึงเข้าใจไม่ผิดหรอก มีอีกคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” คีร์พูดขึ้น

“อาจารย์พิสุทธิ์สินะ” ต้นสนเสริมทัพ คีร์หันกลับไปมองหน้าต้นสนอย่างประหลาดใจ ต้นสนเลยอธิบายต่อ

“เหมือนมึงเล่าคร่าว ๆ ว่าในฝันไฟไหม้ห้องนั้นเละและท้ายที่สุดก็สืบสาวหาใครมารับผิดไม่ได้ไม่มีอาจารย์สักคนอยู่ในตึกเพราะทุกคนกลับกันไวมาก” คีร์พยักหน้าตาม

“ปัญหาคือทางอาจารย์พิสุทธิ์ครอบครัวของเขาก็ใหญ่ไม่ใช่เล่น” ไอนัทพูดต่อ แม้ว่านัทจะดูเป็นคนกวน ๆ แต่ในแง่ของข้อมูลข่าวสารนัทถือได้ว่ารอบรู้เรื่องราวหลายอย่าง นัทอธิบายต่อ

“พ่อของอาจารย์พิสุทธิ์เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีที่อยู่ในวงการนี้มานานพอควร ไหนจะมีคุณลุงที่เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่อีกกูว่าเรื่องนี้ถ้าเราลุยต่อก็คงไม่ง่าย” นัทพูด

“แต่กูไม่อยากปล่อยจริง ๆ คนที่วางแผนสร้างความเสียหายหนักขนาดนั้น ถ้าในกรณีที่มีคนบังเอิญอยู่ในอาคาร ถ้าไฟมันลามครอกไปทั้งชั้นความเสียหายอาจไม่หยุดอยู่แค่ตึกพังก็ได้ อีกอย่างกูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันคล้ายสัญชาตญาณมันบอกว่ากูต้องจัดการเรื่องนี้” คีร์นึกไปถึงความรู้สึกบางอย่างจังหวะที่เขาสบตาอาจารย์ในอาคาร ความรู้สึกในใจกำลังบอกว่าผู้ชายคนนี้อันตรายกว่าที่คิด เขาพยายามย้อนนึกว่าอาจารย์พิสุทธิ์มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขาอีกบ้างหลังจากเรียนจบ ยิ่งนึกไปเรื่อย ๆ ภาพก็เริ่มไหลเข้ามาในหัว

...จริงสิ…

สุดท้ายแล้วน้องชายของอาจารย์คือเจ้าของบริษัทที่รันทำงานนี่!........

เหมือนว่าตอนนั้นเขาจะเอ่ยทักเรื่องนี้กับรันว่านามสกุลเจ้าของบริษัทเหมือนนามสกุลอาจารย์เขา รันกลับไม่คุ้นชื่ออาจารย์แม้แต่น้อยเขาเลยขี้เกียจอธิบายอะไรต่อ

“มึงไหวไหม เหงื่อออกเยอะเชียว” นัทพูดพลางเอื้อมมืออีกข้างหยิบกระดาษทิชชูข้างรถยื่นให้ คีร์รับมาซับเหงื่อก่อนจะนั่งนิ่ง

“มีอะไรให้ช่วยก็บอก” ต้นสนพูดก่อนจะเอนกายลงไปพิงเบาะรถ เขาสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดของเพื่อน

“เออ เรามันทีมเวิร์ค” นัทกล่าวต่อ คีร์พยักหน้าก่อนจะค่อย ๆ ยิ้มออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนเวลาใหม่ครั้งนี้ขอยอมง้อเธอด้วยรัก